รมช.คมนาคมตรวจปรับปรุงสนามบินตรัง คาดเสร็จทั้งหมดปี 64


 "ถาวร เสนเนียม" รมช.คมนาคม ตรวจเยี่ยมและติดตามโครงการปรับปรุงและก่อสร้างท่าอากาศยานตรัง ด้วยงบประมาณ 2 พันล้านบาท คาดแล้วเสร็จทั้งหมดในปี 2564 มุ่งเป้าหมายรองรับต่างชาติที่จะเพิ่มขึ้น
ที่ท่าอากาศยานตรัง นายถาวร เสนเนียม รมช.คมนาคม พร้อมด้วยนายวิทวัส ภักดีสันติกุล รองอธิบดีกรมท่าอากาศยาน ด้านเศรษฐกิจ พร้อมคณะ เดินทางมาตรวจเยี่ยมและติดตามโครงการปรับปรุงและก่อสร้างท่าอากาศยานตรัง โดยมีนายลือชัย เจริญทรัพย์ ผวจ.ตรัง พันจ่าเอกเมืองชล วงศ์สุวรรณ ผอ.ท่าอากาศยานตรัง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้การต้อนรับ พร้อมชี้แจงและบรรยายสรุปความคืบหน้าของโครงการก่อสร้างปรับปรุงสนามบินตรัง
นายวิทวัส กล่าวว่า ท่าอากาศยานตรัง จัดทำแผนพัฒนาท่าอากาศยานตรัง ประกอบด้วย (1) โครงการปรับปรุงต่อเติมอาคารผู้โดยสาร งบประมาณ 101.7 ล้านบาท ให้รองรับผู้โดยสารจากเดิม 300 คน เป็น 600 คนต่อชั่วโมง (2) โครงการก่อสร้างอาคารที่พักผู้โดยสารหลังใหม่ งบประมาณ 1,200 ล้านบาท (3) โครงการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมของโครงการก่อสร้างขยายความยาวทางวิ่งงบประมาณ 3 ล้านบาท (4) โครงการก่อสร้างเสริมความแข็งแรงทางวิ่ง สร้างทางขับ และลานจอดอากาศยาน พร้อมระบบไฟฟ้าสนามบิน (5) โครงการจัดซื้อที่ดินเพิ่มอีก 600 กว่าไร่ เพื่อขยายความยาวทางวิ่ง (6) โครงการก่อสร้างจุดตรวจค้นรถยนต์หน้าท่าอาศยาน (7) โครงการก่อสร้างขยายความยาวทางวิ่งและอุโมงค์รถไฟลอดใต้ทางวิ่ง และ (8) โครงการจ้างที่ปรึกษาและควบคุมงานก่อสร้างขยายทางวิ่งและอุโมค์รถไฟลอดใต้ทางวิ่ง เป็นต้น
ทั้งนี้ หลักการออกแบบก่อสร้างปรับปรุง เพื่อรองรับความเติบโตของผู้โดยสารไว้ถึง 10 ปีข้างหน้า เนื่องจาก จ.ตรัง เป็นเมืองท่องเที่ยว จะมีนักท่องเที่ยวต่างประเทศ เช่น จากสแกนดิเนเวียสนใจมาเที่ยวมากขึ้นทุกปี สำหรับด้านสิ่งแวดล้อมที่มีการทำ EIA ขณะนี้ยังไม่แล้วเสร็จ หากแล้วเสร็จก็จะได้เร่งดำเนินการได้อย่างรวดเร็วขึ้น เพื่อให้ทั้งหมดแล้วเสร็จในปี 2564 รวมงบประมาณที่ใช้ทั้งหมดประมาณ 2 พันล้านบาท
ส่วนกรณีที่ก่อนหน้านี้ ชาวบ้านที่อาศัยอยู่บริเวณหัวสนามบินกว่า 30 หลังคาเรือนได้รับความเดือดร้อนอย่างหนักจากปัญหาการขึ้นลงของเครื่องบินในท่าอากาศยานตรัง ฝาพนัง หลังคาบ้านเรือนแตกร้าวได้รับความเสียหายอย่างหนักมาตลอดระยะประมาณ 5-6 ปีนั้น นายถาวร กล่าวยืนยันว่า ทุกอย่างจะดูแลให้เกิดความพึงพอใจแก่ประชาชนที่ได้รับผลกระทบ






ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก ผู้จัดการออนไลน์

แสดงความคิดเห็น

ใหม่กว่า เก่ากว่า