ตะลึง! บุกรัง “ไอ้อู้” นักค้ายาข้ามชาติชาวพม่าหลังถูกวิสามัญฯ พบแท่นผลิตยาบ้ากลางเมืองทุ่งสง


ตำรวจขยายผลหลังวิสามัญ “ไอ้อู้” นักค้ายาข้ามชาติชาวพม่า บุกรังซุกยาเสพติด ตะลึงตั้งแท่นผลิตยาบ้ากลางเมืองทุ่งสง ยึดส่วนผสมพร้อมผลิต 11 ก.ก. เจอผลิตแล้ว 5 แสนเม็ดพร้อมจำหน่าย ไอซ์อีกมากกว่า 10 ก.ก.
จากกรณีที่ตำรวจวิสามัญฆาตกรรม “นายอู้” หรือที่รู้จักในวงการนักค้ายาคือ “ไอ้อู้” นักค้ายาชาวพม่ารายสำคัญที่เป็นที่ต้องการตัวของทางการ ที่ถนนสาย 41 ต.หนองหงส์ อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช วานนี้ จากนั้น ตำรวจได้ขยายผลถึงแหล่งพักยาบ้าอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งคืนนั้น
วันนี้ (30 พ.ย.) พล.ต.สนธิชัย อาวัฒนกุลเทพ ผู้บังคับการตำรวจภูธรนครศรีธรรมราช ได้นำกำลังเข้าตรวจค้นบ้านเลขที่ 79/6 หมู่บ้านพัฒนาการ ในเขตเทศบาลตำบลปากแพรก อ.ทุ่งสง หลังจากพบข้อมูลว่านายอู้ใช้บ้านหลังนี้พักยาเสพติดไว้กระจายออกสู่ลูกค้า เมื่อเข้าทำการตรวจค้นถึงกับตกตะลึงพบว่าไม่ใช่เป็นเพียงแค่แหล่งพักยาเสพติดเท่านั้น ยังเป็นแหล่งผลิตครบวงจรโดยเจ้าหน้าที่พบแท่นปั๊มเม็ดผลิตยาบ้าขนาดใหญ่ใช้มอเตอร์ขนาด 1.5 แรงม้าเป็นตัวขับปั๊ม พร้อมทั้งผงยาบ้าที่เตรียมพร้อมปั๊มจำนวน 11 กิโลกรัม วางอยู่บริเวณห้องน้ำด้านหลังบ้าน และเมื่อตรวจค้นบนชั้น 2 พบยาบ้าผลิตเรียบร้อยแล้วบรรจุหีบห่อพร้อมจำหน่ายจำนวนกว่า 5 แสนเม็ด ไอซ์บรรจุพร้อมส่งจำหน่ายอีกมากกว่า 10 กิโลกรัม จึงทำการตรวจยึดทั้งหมด


พล.ต.ต.สนธิชัย กล่าวว่า การตรวจยึดแท่นผลิตพร้อมของกลางจำนวนมากในครั้งนี้ นับเป็นการทำลายต้นตอการผลิตและจำหน่ายยาเสพติดรายสำคัญ ส่วนนายอู้เป็นนักค้ายาข้ามชาติที่เจ้าหน้าที่ติดตามมาอย่างต่อเนื่องเข้าถึงได้ยากมาก ถูกออกหมายจับโดย ป.ป.ส.มาตั้งแต่ปี 2561 มาจนมุมและถูกวิสามัญที่ นครศรีธรรมราชในที่สุด
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ยังขยายผลพบว่านายอู้มีภรรยาชาวไทยชื่อ น.ส.กิตติยา ศักดิ์สูง อายุ 23 ปี อยู่บ้านเลขที่ 217 ต.ปากแพรก อ.ทุ่งสง ซึ่งต่อมาได้เชิญตัวมาสอบสวน โดย น.ส.กิตติยาให้การต่อเจ้าหน้าที่ว่า ไม่ทราบเลยว่านายอู้เป็นชาวพม่า โดยได้หลอกตนเองว่าเป็นชาวเชียงราย ทำธุรกิจซื้อขายรถยนต์มือสองระหว่างภาคเหนือกับภาคใต้
ก่อนที่จะอยู่กินด้วยกันนั้นรู้จักกันผ่านทางเฟซบุ๊ก บ้านที่เช่าผลิตยาเสพติดก็ไม่รู้เลยว่านายอู้มาเช่าบ้านอยู่อีกหลังที่นี่ ปกติจะอาศัยอยู่ในบ้านเช่าในย่านถนนชัยชุมพล และไม่เคยแพร่งพรายข้อมูลใดๆ ที่เกี่ยวกับยาเสพติดเลย






ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก ผู้จัดการออนไลน์

แสดงความคิดเห็น

ใหม่กว่า เก่ากว่า