รมว.ยุติธรรมประกาศภายใน 3 เดือนจะปลดล็อกพืชกระท่อมออกจากยาเสพติด


 รมว.ยุติธรรม ตรวจเยี่ยมพื้นที่ควบคุมพืชกระท่อมโดยการมีส่วนร่วมของชุมชน อำเภอบ้านนาสาร จ.สุราษฎร์ธานี พร้อมประกาศภายใน 3 เดือนจะปลดล็อกพืชกระท่อมออกจากยาเสพติด

วันนี้ (20 ม.ค.) ที่หอประชุมโรงเรียนท่าชีวิทยา ต.น้ำพุ อ.บ้านนาสาร จ.สุราษฎร์ธานี นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมและดูงานพื้นที่การพัฒนารูปแบบการควบคุมพืชกระท่อมโดยการมีส่วนร่วมของชุมชนในประเทศไทย กรณีศึกษาตำบลน้ำพุ อำเภอบ้านนาสาร จังหวัดสุราษฎร์ธานี เพื่อติดตามการดำเนินงานโครงการวิจัยการพัฒนารูปแบบการควบคุมพืชกระท่อม โดยการมีส่วนร่วมของชุมชนในประเทศไทย กรณีศึกษาตำบลน้ำพุ และพบปะแกนนำหมู่บ้านชุมชน และประชาชนเพื่อสอบถามความคิดเห็น วิถีชีวิตความเป็นอยู่ รวมถึงทัศนคติของประชาชนต่อพืชกระท่อม เพื่อนำข้อมูลเชิงประจักษ์ในระดับพื้นที่เพื่อประกอบพิจารณาเสนอถอดพืชกระท่อมออกจากกฎหมายยาเสพติดให้โทษต่อไป โดยมีนายวิชวุทย์ จินโต ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี และผู้เกี่ยวข้องร่วมให้การต้อนรับ


สำหรับโครงการวิจัยการพัฒนารูปแบบการควบคุมพืชกระท่อมโดยการมีส่วนร่วมของชุมชนนั้น สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (สำนักงาน ป.ป.ส.) ได้คัดเลือกตำบลน้ำพุ อำเภอบ้านนาสาร จังหวัดสุราษฎร์ธานี ดำเนินการภายใต้หนังสือสำคัญมีไว้ในครอบครองซึ่งยาเสพติดให้โทษในประเภท 5 ออกโดยสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ตั้งแต่ปี 2560 จนถึงปัจจุบันมีหมู่บ้านเป้าหมายในพื้นที่ตำบลน้ำพุ จำนวน 6 หมู่บ้าน 1,920 ครัวเรือน พบครัวเรือนที่มีพืชกระท่อม จำนวน 655 ครัวเรือน พืชกระท่อม จำนวน 1,912 ต้น


ได้ดำเนินการควบคุมและติด QR Code จำนวน 1,578 ต้น ตัดฟันทำลาย จำนวน 334 ต้น ซึ่งการควบคุมพืชกระท่อมเป็นไปตามธรรมนูญตำบลที่ได้กำหนดไว้ใน 3 แผนงาน คือ 1) แผนการควบคุมพืชกระท่อม โดยกำหนดให้ครัวเรือนสามารถครอบครองพืชกระท่อมครัวเรือนละไม่เกิน 3 ต้น ครัวเรือนใดมีพืชกระท่อมมากกว่า 3 ต้น ให้ตัดฟันทำลายและคงไว้เพียง 3 ต้น ส่วนครัวเรือนใดที่มีไม่ถึง 3 ต้น ให้คงไว้ห้ามปลูกเพิ่ม 2) แผนการเฝ้าระวังทางสังคม และ 3) แผนการเฝ้าระวังสุขภาพชุมชน ซึ่งจากการดำเนินงานโครงการวิจัยฯ มีหน่วยงานที่ให้การสนับสนุน ประกอบด้วย ฝ่ายปกครอง สาธารณสุข ตำรวจ ทั้งในระดับจังหวัดและอำเภอ สถาบันวิชาการ ภาคประชาชน ผู้นำหมู่บ้าน และประชาชนในพื้นที่ตำบลน้ำพุ ซึ่งต้นกระท่อมในพื้นที่จะมีการติดคิวอาร์โค้ดทุกต้นว่าเป็นของใครบ้าง


นายสมศักดิ์ เทพสุทิน กล่าวว่า จากอดีตที่ผ่านมา มีรัฐมนตรีหลายคนได้พยายามผลักดันเรื่องดังกล่าว แต่ก็ยังไม่ประสบความสำเร็จ ในสมัยนั้นตนได้ร่วมติดตามการแก้ไขปัญหาเรื่องดังกล่าวมาโดยตลอด จนกระทั่งปัจจุบัน ตนจะพยายามผลักดันอย่างจริงจัง และให้สัญญาว่าจะพยายามทำให้เกิดผลภายใน 3 เดือน หากไม่มีความคืบหน้าหรือไม่ประสบความสำเร็จจะต้องมีค่าใช้จ่ายให้แก่คนดูแลต้นกระท่อม ถ้าหากไม่มีรายได้ ไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ เลยก็อาจจะโค่นทิ้ง จึงมาถามพี่น้องประชาชนว่า อยากให้โค่นต้นกระท่อมทิ้งหรือไม่ ซึ่งทุกคนต่างตอบเป็นเสียงเดียวกันว่าไม่ยอม และจะขอให้รัฐมนตรีช่วยผลักดันเรื่องเก่าให้สำเร็จต่อไป


นายสมศักดิ์ กล่าวด้วยว่า เราได้ผลักดันเรื่องของกัญชาอย่างเป็นรูปธรรมด้วยความรวดเร็ว ดังนั้น การดำเนินการผลักดันต้นกระท่อม พืชกระท่อม ก็ต้องทำอย่างรวดเร็วถึงจะประสบความสำเร็จ ซึ่งมีด้วยกัน 10 ขั้นตอน โดยดำเนินการมาแล้วกว่าครึ่งทาง คงเหลือแต่การแก้กฎหมายมาตราต่างๆ แล้วให้เข้าสู่ในขั้นตอนของกฤษฎีกาตีความต่อไป








ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก ผู้จัดการออนไลน์.

แสดงความคิดเห็น

ใหม่กว่า เก่ากว่า