ตำรวจรวบตัวหนุ่มลาวก่อเหตุดักจ้วงแทงหนุ่มหนองบัวลำภู จนเสียชีวิตคาที่แล้ว สารภาพทำไปเพราะแค้นที่คู่อริชอบแอบดูลูกสาวอาบน้ำ
พ.ต.ท.ประเสริฐ สงแสง รองผู้กำกับการฝ่ายสอบสวน สภ.เมืองตรัง
พร้อมกับ ร.ต.อ.ปัญญา สงนวล พนักงานสอบสวน สภ.เมืองตรัง และตำรวจชุดสืบสวน
ได้ควบคุมตัว นายแปล คลองเตียง อายุ 38 ปี ชาวลาว
ซึ่งอาศัยอยู่ที่บ้านเลขที่ 116 หมู่ที่ 2 ต.นาท่ามเหนือ อ.เมืองตรัง
ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ หลังจากที่เมื่อกลางดึกที่ผ่านมา
ผู้ต้องหารายนี้ได้ก่อเหตุใช้อาวุธมีดจ้วงแทง นายทอน ไม่ทราบนามสกุล อายุ
42 ปี ชาวจังหวัดหนองบัวลำภู รวม 5 แผล
จนเสียชีวิตภายในซุ้มคนงานทำศาลาไม้ไผ่ ไม่มีเลขที่
ซึ่งอยู่ในเขตเทศบาลนครตรัง
ก่อนจะหลบหนีฝ่าความมืดเข้าไปหลบอยู่ในสวนยางพาราห่างจากที่เกิดเหตุประมาณ
400 เมตร
ต่อมา ตำรวจชุดสืบสวน สภ.เมืองตรัง สามารถควบคุมไว้ได้ โดยผู้ต้องหารับสารภาพว่า ก่อนเกิดเหตุได้ไปซื้อเบียร์มาจากร้านค้าใกล้ที่เกิดเหตุเพื่อดื่มย้อมใจ จำนวน 4 ขวด กระทั่งเมื่อเมาได้ที่จึงเดินไปที่ซุ้มทำศาลาไม้ไผ่เพื่อดักรอผู้ตาย จนกระทั่งเห็นผู้ตายเดินเข้ามา จึงใช้อาวุธมีดที่เตรียมไว้จ้วงแทงตามร่างกายจนเสียชีวิต
โดยมีสาเหตุมาจากโกรธแค้นที่ผู้ตายชอบแอบมองลูกสาววัย 8 ขวบของตนอาบน้ำ โดยในวันเกิดเหตุรอจนกระทั่งผู้ตายกลับจากทำงานนอกบ้านในช่วงค่ำ จึงหาเบียร์มาดื่มย้อมใจ ก่อนลงมือจ้วงแทงดังกล่าว ส่วนผู้ตายขณะนี้ยังไม่มีญาติมาติดต่อขอรับศพ เพราะยังไม่มีประวัติแน่ชัดว่าเป็นใครมาจากไหน ชื่อและนามสกุลจริงอะไร ซึ่งตำรวจเร่งจะประสานไปยังจังหวัดหนองบัวลำภู เพื่อประกาศตามหาญาติของผู้ตายต่อไป
ต่อมา ตำรวจชุดสืบสวน สภ.เมืองตรัง สามารถควบคุมไว้ได้ โดยผู้ต้องหารับสารภาพว่า ก่อนเกิดเหตุได้ไปซื้อเบียร์มาจากร้านค้าใกล้ที่เกิดเหตุเพื่อดื่มย้อมใจ จำนวน 4 ขวด กระทั่งเมื่อเมาได้ที่จึงเดินไปที่ซุ้มทำศาลาไม้ไผ่เพื่อดักรอผู้ตาย จนกระทั่งเห็นผู้ตายเดินเข้ามา จึงใช้อาวุธมีดที่เตรียมไว้จ้วงแทงตามร่างกายจนเสียชีวิต
โดยมีสาเหตุมาจากโกรธแค้นที่ผู้ตายชอบแอบมองลูกสาววัย 8 ขวบของตนอาบน้ำ โดยในวันเกิดเหตุรอจนกระทั่งผู้ตายกลับจากทำงานนอกบ้านในช่วงค่ำ จึงหาเบียร์มาดื่มย้อมใจ ก่อนลงมือจ้วงแทงดังกล่าว ส่วนผู้ตายขณะนี้ยังไม่มีญาติมาติดต่อขอรับศพ เพราะยังไม่มีประวัติแน่ชัดว่าเป็นใครมาจากไหน ชื่อและนามสกุลจริงอะไร ซึ่งตำรวจเร่งจะประสานไปยังจังหวัดหนองบัวลำภู เพื่อประกาศตามหาญาติของผู้ตายต่อไป
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก ผู้จัดการออนไลน์