กรมหม่อนไหม สนับสนุนกลุ่มผ้าทอนาหมื่นศรี อ.นาโยง จ.ตรัง หลังผ่านการรับรองมาตรฐานผลิตภัณฑ์ผ้าไหมไทย ซื้อที่เตรียมปลูกหม่อนเลี้ยงไหมทอเอง พร้อมต่อยอดร่วมกับแบรนด์แฟชั่นดัง
น.ส.ศิริพร บุญชู อธิบดีกรมหม่อนไหม พร้อมคณะเดินทางมาเยี่ยมชมกลุ่มวิสาหกิจชุมชนผ้าทอนาหมื่นศรี กลุ่มผ้าทอพื้นเมืองรายใหญ่ที่สุดของ จ.ตรัง เพื่อเป็นการอนุรักษ์ส่งเสริม และพัฒนาคุณภาพผ้าทอให้ได้คุณภาพยิ่งขึ้น หลังจากที่ทางกลุ่มได้ผ่านการรับรองมาตรฐานผลิตภัณฑ์ผ้าไหมไทย (ตรานกยูงพระราชทาน) ใน 2 ประเภท คือ ตรานกยูงพระราชทานสีน้ำเงิน (Thai Silk) ประเภทผ้าถุง ชนิดผ้ายก ลายประยุกต์ และตรานกยูงพระราชทานสีเขียว (Thai Silk Blend) ประเภทผ้าคลุมไหล่ ชนิดผ้า ผ้ายก ลายประยุกต์ ที่มีชื่อลายว่า “แก้วชิงดวง” นอกจากนี้ ทางกลุ่มยังอยู่ระหว่างการขอรับการรับรองตรานกยูงพระราชทานสีเงิน (Classic ThaSilk) ด้วย
นางอารอบ เรืองสังข์ กลุ่มวิสาหกิจชุมชนผ้าทอนาหมื่นศรี กล่าวว่า ปัญหาที่ผ่านมาของทางกลุ่มก็คือ หาไหมมาทอผ้ายาก ดังนั้น กรมหม่อนไหม จึงได้นำไหมมาให้โดยทางกลุ่มไม่ต้องซื้อ แต่จะต้องคืนในรูปแบบใหม่ ในลักษณะเป็นเงินหมุนเวียน พร้อมเร่งพัฒนาการทอผ้าจากลายโบราณ มาเป็นลายผ้าไหมเพื่อให้เป็นงานที่มีคุณค่า และเพิ่มมูลค่า อย่างไรก็ตาม ทางกลุ่มก็มีแนวความคิดที่จะปลูกหม่อนเลี้ยงไหม ทั้งเพื่อทำเป็นศูนย์การเรียนรู้ และแหล่งท่องเที่ยว โดยได้ซื้อที่นาไว้แปลงหนึ่งมูลค่าประมาณ 6 ล้านบาท เพื่อเตรียมนำมาปรับปรุงสำหรับปลูกหม่อนเลี้ยงไหม ซึ่งจะทำให้มีงานต่อยอดเพิ่มขึ้น และได้ตรานกยูงพระราชทานสีทอง นั่นคือ ทางกลุ่มจะต้องทำเส้นไหมเองทั้งหมด และปัจจุบันในภาคใต้ยังมีการปลูกหม่อนเลี้ยงไหมใน จ.ชุมพร ที่เดียวเท่านั้น
ขณะที่ น.ส.ศิริพร บุญชู อธิบดีกรมหม่อนไหม กล่าวว่า กลุ่มวิสาหกิจชุมชนผ้าทอนาหมื่นศรี มีชื่อเสียง และได้รับการยอมรับด้านมาตรฐานในตลาดอย่างกว้างขวาง เพราะเป็นผ้าทอที่มีการการอนุรักษ์สืบทอดลวดลายมาตั้งแต่โบราณ รวมทั้งพัฒนา และยกระดับคุณภาพ จนได้ตรานกยูงพระราชทาน สำหรับผ้าทอนาหมื่นศรี นอกจากจะมีตลาดหลักในชุมชนอยู่แล้ว ล่าสุด ยังได้มีการทำสัญญาซื้อขายกับบริษัท FILA แบรนด์แฟชั่นชื่อดัง เพื่อเปิดไอเดียเพิ่มความแปลกใหม่ของดีไซน์ในรูปแบบความเป็นไทย ด้วยผ้าขาวม้าทอของไทย โดยฝีมือชาว จ.ตรัง หวังสร้างอาชีพ และพัฒนาชุมชนที่เป็นมรดกทางวัฒนธรรมอันทรงคุณค่าของไทยให้ไปไกลระดับโลก ด้วยการนำผ้าทอนาหมื่นศรีไปจำหน่ายในห้างดังๆ ทั่วประเทศ และสั่งผ้าทอ จำนวน 3,000 หลา เพื่อนำไปใช้สำหรับการแปรรูปผลิตภัณฑ์ของ FILA อีกด้วย
น.ส.ศิริพร บุญชู อธิบดีกรมหม่อนไหม พร้อมคณะเดินทางมาเยี่ยมชมกลุ่มวิสาหกิจชุมชนผ้าทอนาหมื่นศรี กลุ่มผ้าทอพื้นเมืองรายใหญ่ที่สุดของ จ.ตรัง เพื่อเป็นการอนุรักษ์ส่งเสริม และพัฒนาคุณภาพผ้าทอให้ได้คุณภาพยิ่งขึ้น หลังจากที่ทางกลุ่มได้ผ่านการรับรองมาตรฐานผลิตภัณฑ์ผ้าไหมไทย (ตรานกยูงพระราชทาน) ใน 2 ประเภท คือ ตรานกยูงพระราชทานสีน้ำเงิน (Thai Silk) ประเภทผ้าถุง ชนิดผ้ายก ลายประยุกต์ และตรานกยูงพระราชทานสีเขียว (Thai Silk Blend) ประเภทผ้าคลุมไหล่ ชนิดผ้า ผ้ายก ลายประยุกต์ ที่มีชื่อลายว่า “แก้วชิงดวง” นอกจากนี้ ทางกลุ่มยังอยู่ระหว่างการขอรับการรับรองตรานกยูงพระราชทานสีเงิน (Classic ThaSilk) ด้วย
นางอารอบ เรืองสังข์ กลุ่มวิสาหกิจชุมชนผ้าทอนาหมื่นศรี กล่าวว่า ปัญหาที่ผ่านมาของทางกลุ่มก็คือ หาไหมมาทอผ้ายาก ดังนั้น กรมหม่อนไหม จึงได้นำไหมมาให้โดยทางกลุ่มไม่ต้องซื้อ แต่จะต้องคืนในรูปแบบใหม่ ในลักษณะเป็นเงินหมุนเวียน พร้อมเร่งพัฒนาการทอผ้าจากลายโบราณ มาเป็นลายผ้าไหมเพื่อให้เป็นงานที่มีคุณค่า และเพิ่มมูลค่า อย่างไรก็ตาม ทางกลุ่มก็มีแนวความคิดที่จะปลูกหม่อนเลี้ยงไหม ทั้งเพื่อทำเป็นศูนย์การเรียนรู้ และแหล่งท่องเที่ยว โดยได้ซื้อที่นาไว้แปลงหนึ่งมูลค่าประมาณ 6 ล้านบาท เพื่อเตรียมนำมาปรับปรุงสำหรับปลูกหม่อนเลี้ยงไหม ซึ่งจะทำให้มีงานต่อยอดเพิ่มขึ้น และได้ตรานกยูงพระราชทานสีทอง นั่นคือ ทางกลุ่มจะต้องทำเส้นไหมเองทั้งหมด และปัจจุบันในภาคใต้ยังมีการปลูกหม่อนเลี้ยงไหมใน จ.ชุมพร ที่เดียวเท่านั้น
ขณะที่ น.ส.ศิริพร บุญชู อธิบดีกรมหม่อนไหม กล่าวว่า กลุ่มวิสาหกิจชุมชนผ้าทอนาหมื่นศรี มีชื่อเสียง และได้รับการยอมรับด้านมาตรฐานในตลาดอย่างกว้างขวาง เพราะเป็นผ้าทอที่มีการการอนุรักษ์สืบทอดลวดลายมาตั้งแต่โบราณ รวมทั้งพัฒนา และยกระดับคุณภาพ จนได้ตรานกยูงพระราชทาน สำหรับผ้าทอนาหมื่นศรี นอกจากจะมีตลาดหลักในชุมชนอยู่แล้ว ล่าสุด ยังได้มีการทำสัญญาซื้อขายกับบริษัท FILA แบรนด์แฟชั่นชื่อดัง เพื่อเปิดไอเดียเพิ่มความแปลกใหม่ของดีไซน์ในรูปแบบความเป็นไทย ด้วยผ้าขาวม้าทอของไทย โดยฝีมือชาว จ.ตรัง หวังสร้างอาชีพ และพัฒนาชุมชนที่เป็นมรดกทางวัฒนธรรมอันทรงคุณค่าของไทยให้ไปไกลระดับโลก ด้วยการนำผ้าทอนาหมื่นศรีไปจำหน่ายในห้างดังๆ ทั่วประเทศ และสั่งผ้าทอ จำนวน 3,000 หลา เพื่อนำไปใช้สำหรับการแปรรูปผลิตภัณฑ์ของ FILA อีกด้วย
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก ผู้จัดการออนไลน์
Tags
ข่าวเมืองตรัง