เขตห้ามล่าสัตว์ป่าหมู่เกาะลิบง ผู้นำชุมชน และชาวบ้าน ร่วมกันเร่งวางทุ่นกำหนดพื้นที่คุ้มครองหญ้าทะเลให้ได้ตามเป้า 18,000 ไร่ เพื่อเป็นแหล่งอาหารพะยูนอย่างยั่งยืน และช่วยลดอัตราการตาย
วันนี้ (30 ม.ค.) นายชัยพฤกษ์ วีระวงศ์ หัวหน้าเขตห้ามล่าสัตว์ป่าหมู่เกาะลิบง จ.ตรัง นำเจ้าหน้าที่เขตห้ามล่าสัตว์ป่าหมู่เกาะลิบง ตัวแทนประมงพื้นบ้าน และ นายณัฐวัฒน์ ทะเลลึก ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 3 บ้านมดตะนอย ต.เกาะลิบง ร่วมกันนำทุ่น จำนวน 14 ลูก ออกไปวางบริเวณแนวเขตหญ้าทะเลพื้นที่บ้านมดตะนอย ซึ่งมีแหล่งหญ้าทะเลผืนใหญ่ และถิ่นหากินและอาศัยสำคัญของพะยูนในทะเลตรัง โดยสามารถวางได้ครอบคลุมพื้นที่ประมาณ 500 ไร่ เพื่อกำหนดพื้นที่คุ้มครองแหล่งหญ้าทะเล คุ้มครองพะยูน ไม่ให้ได้รับผลกระทบจากการทำประมง การท่องเที่ยว และการขนส่งสินค้าทางทะเล พร้อมเดินหน้าบริหารจัดการคุ้มครองพื้นที่ให้เข้มข้นอย่างเป็นระบบและครอบคลุม เพื่อความยั่งยืนของทรัพยากรชายฝั่ง และสัตว์ทะเลหายากประเภท เต่าทะเล โลมา และพะยูน
โดยเฉพาะพะยูนฝูงใหญ่ที่สุดกว่า 180 ตัว อาศัยอยู่ในทะเลตรัง บริเวณเขตห้ามล่าสัตว์ป่าหมู่เกาะลิบง และอุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม ซึ่งได้รับการกำหนดให้เป็นพื้นที่ชุ่มน้ำที่มีความสำคัญระหว่างประเทศ หรือแรมซาร์ไซต์ เมื่อปี 2545 และได้รับการประกาศเป็นอุทยานมรดกแห่งอาเซียน เมื่อปี 2562 เพื่อลดอัตราการตายของพะยูน คงความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรชายฝั่งทะเลตรัง และสร้างความมีส่วนร่วมของประชาชนในการอนุรักษ์พะยูนให้อยู่คู่กับทะเลตรังตลอดไป ตลอดจนรองรับการผลักดันแผนพะยูนแห่งชาติของรัฐบาล
นายชัยพฤกษ์ วีระวงศ์ หัวหน้าเขตห้ามล่าสัตว์ป่าหมู่เกาะลิบง กล่าวว่า การวางทุ่นในบริเวณพื้นที่บ้านมดตะนอย จำนวน 14 ทุ่น เป็นไปตามแผนบริหารจัดการพื้นที่ให้หมดครอบคลุมหญ้าทะเล 18,000 ไร่ โดยขณะนี้เขตห้ามล่าสัตว์ป่าหมู่เกาะลิบง ดำเนินการไปแล้วประมาณ 4,000 ไร่ แต่ได้กำหนดแผนการจัดการจะให้ครอบคลุมแหล่งหญ้าทะเลทั้งหมดในปี 2564 โดยสิ่งที่ได้คือ จะได้เห็นแนวเขตหญ้าทะเลอย่างชัดเจน และรู้พื้นที่ขอบเขตแหล่งอาศัยหากินของพะยูน เต่า โลมา สัตว์ทะเลหายาก จะได้ระมัดระวังการใช้เครื่องมือประมง ทั้งนี้ หากพะยูนตายปีละไม่เกิน 5 ตัวต่อปี ปริมาณการเกิดไม่ต่ำกว่า 10 ตัวต่อปี จะทำให้พะยูนในทะเลตรังเพิ่มปริมาณขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะในเขตห้ามล่าฯ เอง จะพยายามดูแลปกป้องพะยูนไม่ให้ตายเกิน 3 ตัวต่อปี
ส่วน นายวิชญุตร์ ลิมังกูร นักสื่อความหมายธรรมชาติทางทะเล กล่าวว่า โครงการนี้เป็นความร่วมมือกันระหว่างกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง กับกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ในการดูแลทรัพยากรทางทะเลกลุ่มสัตว์ทะเลหายาก โดยจะเก็บข้อมูลการวางทุ่นว่า สามารถป้องกันภัยคุกคามที่จะเกิดกับพะยูนได้อย่างไรบ้าง เพื่อนำข้อมูลที่ได้ไปถอดบทเรียนมาเรียมโปรเจกต์ กำหนดทิศทางการดูแลพะยูนทั้งในขณะเกยตื้น และแผนงานโครงการระยะยาวในการดูแลสัตว์ทะเลหายาก เพื่อนำไปผลักดันตามแผนพะยูนแห่งชาติ ของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ต่อไป
Tags
ข่าวเมืองตรัง