รุนแรง! ชาวเมืองตรังโอดภัยแล้งกระทบนาข้าวขาดน้ำ ยืนต้นตายหลังฝนทิ้งช่วงนาน


 ชาวเมืองตรังโอดนาข้าวกว่า 40 ไร่ ขาดแคลนน้ำยืนต้นตายแล้ว หลังเกิดฝนทิ้งช่วงมายาวนานนับเดือน เพราะช่วยเหลืออะไรไม่ได้ ขณะที่ชาวบ้านเผยเป็นภัยแล้งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
วันนี้ (28 ม.ค.) สถานการณ์ภัยแล้งเริ่มลุกลามมาถึง จ.ตรัง หลายพื้นที่เริ่มขาดแคลนน้ำ โดยเฉพาะพื้นที่ปลูกข้าวนาปีของชาวบ้านที่รวมกลุ่มกันประมาณ 10 ครัวเรือนๆ ละประมาณ 2-5 ไร่ ในพื้นที่หมู่ 3 ต.น้ำผุด อ.เมือง จ.ตรัง เนื้อที่รวมกว่า 40 ไร่ ซึ่งขณะนี้บางส่วนเริ่มออกรวง และบางส่วนกำลังตั้งท้อง
แต่ปรากฏว่า นับตั้งแต่เดือนธันวาคม จนถึงขณะนี้ในพื้นที่เกิดฝนทิ้งช่วง และน้ำในลำห้วยที่ปกติทุกปีจะไหลเข้ามาเติมในนาข้าว แต่ปีนี้ปริมาณน้ำในลำห้วยกลับขาดตอน ทำให้ไม่มีน้ำไหลเข้ามาเติมในนาข้าว ทำให้ต้นข้าวเหี่ยวเฉา แห้งกรอบ ผืนดินแตกระแหง ขณะที่ต้นข้าวที่กำลังออกรวงเป็นผลทำให้รวงลีบ และยืนต้นตายทั้งหมด โดยที่เจ้าของนาข้าวหมดหนทางจะเอาน้ำมาเติมในพื้นที่ได้ ซึ่งเบื้องต้น ทาง อบต. และเจ้าหน้าที่สำนักงานเกษตรจังหวัดตรัง ได้เข้าไปตรวจสอบแล้ว แต่ไม่สามารถช่วยเหลือชาวบ้านได้ ทำให้เจ้าของนาข้าวต้องยอมทิ้งร้าง และปล่อยวัวลงไปกินเสียหายทั้งหมด

นายสมหมาย เกิดสอน ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 3 ต.น้ำผุด อ.เมือง จ.ตรัง กล่าวว่า พื้นที่นี้ชาวบ้านประมาณ 10 ครัวเรือน รวมกลุ่มกันอนุรักษ์พื้นที่ทำนาเอาไว้รวมประมาณ 40 ไร่ หรือคนละ 2-5 ไร่ เพื่อปลูกข้าวนาปีไว้กินเองในครัวเรือน ลดรายจ่ายในการซื้อข้าวสาร และทุกปีก็ได้ผลดี สามารถมีข้าวไว้กินในครัวเรือนโดยไม่ต้องซื้อ
แต่ปีนี้ซึ่งพบว่า ภัยแล้วรุนแรงกว่าทุกปีที่ผ่านมา ทั้งที่พื้นที่นี้ซึ่งอยู่ห่างจากคลองลำภูราประมาณ 200 เมตร ซึ่งจะมีน้ำตลอดทั้งปี แต่สภาพความแห้งแล้งอย่างรุนแรงในปีนี้ ทำให้ลำห้วยที่ไหลมาจากคลองลำภูราถูกตัดขาด น้ำจึงไหลเข้าสู่ผืนนาไม่ได้ ทำให้นาข้าวยืนต้นตาย ใบแห้งกรอบ ดินแตกระแหง รวงข้าวลีบ และยืนต้นตายทั้งหมดแล้ว ซึ่งเป็นภัยแล้งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในพื้นที่











ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก ผู้จัดการออนไลน์

แสดงความคิดเห็น

ใหม่กว่า เก่ากว่า