ครูเมืองตรังลงติดตามการ “เรียนออนไลน์” ของนักเรียน เร่งแก้ปัญหาเข้าระบบไม่ได้



ครูโรงเรียนบ้านไทรงาม อ.เมืองตรัง ลงพื้นที่ติดตามการ “เรียนออนไลน์” ของนักเรียน เพื่อเร่งแก้ปัญหากลุ่มเด็กที่มีปัญหาเข้าระบบออนไลน์ไม่ได้ เนื่องจากขาดอุปกรณ์ หรืออุปกรณ์เก่ารับสัญญาณไม่ได้

น.ส.เสาวภาพัชร ภู่ประภาดิลก ผอ.โรงเรียนบ้านไทรงาม อ.เมือง จ.ตรัง ซึ่งเป็นโรงเรียนสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาตรัง เขต 1 (สพป.เขต 1) พร้อมคุณครูประจำชั้นต่างๆ เร่งลงพื้นที่ติดตามการเรียนทางระบบออนไลน์ของนักเรียนในสังกัด โดยกระจายกันลงติดตามตามบ้านเรือน เพื่อให้เข้าถึงบ้านเด็กทุกคน ที่มีตั้งแต่นักเรียนระดับชั้นอนุบาล 1 ถึงชั้น ป.6 จำนวน 230 คน โดยเริ่มต้นเน้นเด็กที่ไม่มีความพร้อมก่อน ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นเด็กที่อาศัยกับปู่ย่าตายาย หรือครอบครัวที่ไม่พร้อม เพื่อเร่งแก้ปัญหาให้สามารถเรียนผ่านระบบออนไลน์ได้ ส่วนเด็กที่มีความพร้อมได้มีการจัดตั้งกลุ่มไลน์ขึ้น เพื่อสื่อสารกันได้ตลอดเวลา โดยมีการจัดทำกูเกิลด็อกคิวเมนต์ หรือไลน์กลุ่ม สำหรับให้เด็ก และผู้ปกครองรายงานผลการเรียนในแต่ละวัน


ทั้งนี้ จากการสำรวจความพร้อมของนักเรียน และผู้ปกครอง ทางโรงเรียนได้จำแนกออกเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มที่มีความพร้อมในระดับดี ระดับปานกลาง และกลุ่มความพร้อมน้อย หรือไม่มีความพร้อม เพื่อให้สามารถบริหารจัดการได้ทุกกลุ่ม/คน โดยในแต่ละวันครูจะออกเยี่ยมบ้านนักเรียน ให้คำแนะนำ และรับฟังปัญญาจากผู้ปกครอง ซึ่งปัญหาที่พบส่วนใหญ่คือขาดความพร้อมของอุปกรณ์ เช่น ช่องรับสัญญาณทีวีไม่คมชัด กล่องรับสัญญาณเป็นระบบเก่ารับไม่ได้ อุปกรณ์ไม่เพียงพอกับสมาชิกในครอบครัว ซึ่งพบปัญหาลักษณะนี้ประมาณร้อยละ 30 เบื้องต้น ครู และผู้ปกครองพยายามแก้ปัญหา เช่น ให้เด็กชั้นเดียวกันเรียนกับคนในละแวกบ้าน ส่วนครอบครัวไหนที่ขาดแคลนจริงๆ ทางโรงเรียนได้แจกเอกสารใบความรู้ ใบงาน ให้นักเรียนได้เรียนรู้ตามเอกสาร เป็นการแก้ไขปัญหาเบื้องต้น

น.ส.เสาวภาพัชร ภู่ประภาดิลก ผอ.โรงเรียนบ้านไทรงาม กล่าวว่า จากการจัดประชุมผู้ปกครอง พบว่า ทุกคนเห็นด้วยที่จะให้เด็กๆ เรียนระบบออนไลน์ไปก่อน เพราะเด็กปิดเทอมนานกว่าจะได้เรียนในช่วงเปิดเทอม อย่างน้อยได้มีอะไรทำดีกว่าวิ่งเล่น หรือว่าติดเกม แต่ก็มีบางส่วนที่ไม่มีความพร้อมก็เกิดความกังวล แต่ทางโรงเรียนให้แนวทางไปว่าไม่ต้องเครียด ไม่ต้องกังวล เอาตามบริบทหรือตามความเหมาะสมเท่าที่มี แล้วเราก็จะร่วมด้วยช่วยกัน โดยกลุ่มนี้ทางคุณครูก็จะจัดทำใบงาน เอกสารที่เด็กสามารถเรียนรู้ด้วยตนเอง โดยเป็นใบงานมีคำชี้แจงการเรียนรู้ และคุณครูก็จะออกมาเยี่ยมบ้านบ่อยเป็นกรณีพิเศษ เพื่อติดตามว่าเป็นอย่างไร โดยประสานกันทางโทรศัพท์ และก็มีหนังสือเรียนที่แจกไปแนะนำว่าให้ทบทวนอ่านหนังสือบทเรียนเท่าที่จะทำได้ หรือนักเรียนคนใดบ้านอยู่ใกล้กัน ชั้นเดียวกัน และมีความปลอดภัยในการที่จะไปเรียนด้วยกัน เว้นระยะกันได้ สามารถที่จะใช้วิธีเรียนด้วยกัน


ขณะเดียวกันได้สำรวจปัญหา จึงทำเรื่องขอกล่องดิจิทัลทีวี ผ่านไปทาง สพป.ตรัง เขต 1 เพื่อส่งเรื่องไปยังสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) แต่ต้องรอว่าจะได้รับการจัดสรรหรือไม่อย่างไร ทั้งนี้ ในส่วนของบ้านที่ไม่มีความพร้อม เช่น ขาดอุปกรณ์ มีไม่เพียงพอ หรือมีทีวีแต่สัญญาณรับไม่ได้ประมาณ 30-40% ซึ่งเด็กของเราส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มปานกลางมากที่สุด ส่วนกลุ่มมีความพร้อมมีน้อยที่สุด แต่คนที่ไม่มีความพร้อมก็แสวงหาวิธีอื่นแก้ไข และขณะนี้รัฐปล่อยสัญญาณทีแบนได้ อาจเป็นวิธีหนึ่งที่จะทำให้ดีขึ้น

สำหรับตัวอย่างเด็กๆ ที่ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านไทรงาม และครูประจำชั้นได้ออกเยี่ยมบ้านนักเรียน เช่น ที่บ้านเลขที่ 95/13 หมู่ 6 ต.นาตาล่วง อ.เมืองตรัง ซึ่งเป็นบ้านของ นางรุ่งนภา เถรว่อง อายุ 63 ปี เป็นผู้ปกครองของนักเรียน จำนวน 3 คน ซึ่งเรียนในระดับชั้นอนุบาล 3 ป.4 และ ป.5 โดยปัญหาที่พบคือมีอุปกรณ์ไม่เพียงพอ คือมีทีวี 1 เครื่อง และโทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง ครูประจำชั้นจึงแนะนำให้นักเรียนสลับกันดู และเปิดเรียนแบบย้อนหลัง โดยน้องๆ ทั้ง 3 คน บอกกับผู้สื่อข่าวว่าอยากไปเรียนในโรงเรียนมากกว่า เพราะคิดถึงเพื่อน และคุณครูที่โรงเรียน


ขณะที่บางครอบครัวเด็กๆ อาศัยอยู่กับย่ายาย และมีฐานะลำบาก ขาดอุปกรณ์สำหรับรับการเรียนออนไลน์ และทีวีเพียงเครื่องเดียวที่มีอยู่ในบ้าน แต่รับสัญญาณถ่ายทอดไม่ได้ อย่างเช่นภายในบ้านเลขที่ 46/7 หมู่ 6 ต.นาตาล่วง อ.เมืองตรัง ซึ่งเป็นบ้านอยู่อาศัยของนักเรียนระดับ ป.2 ป.4 และ ป.6 เด็กต้องใช้วิธีเรียนเรียนพร้อมกับเพื่อนระดับชั้นเดียวกันในละแวกบ้าน ส่วนคนที่ไม่มีเพื่อนระดับชั้นเดียวกัน ใช้วิธีเรียนจากใบความรู้ ใบงานที่ครูมอบให้ ซึ่งบ้านดังกล่าวขาดความพร้อม ครูประจำชั้นจึงต้องมาติดตาม และดูแลเป็นกรณีพิเศษ

ส่วนบางครอบครัวที่มีความพร้อมสำหรับเรียนออนไลน์ อย่างเช่นที่บ้านของน้องเนเน่ นักเรียนหญิงชั้น ป.3 ซึ่งได้นั่งเรียนอย่างตั้งใจหน้าที่ทีวี พร้อมเปิดเอกสารประกอบการเรียน เพื่อทำความเข้าใจเนื้อหาที่ครูกำลังสอน โดยเจ้าตัวได้บอกกับผู้สื่อข่าวว่า ตนอยากให้โรงเรียนเปิดเทอมเร็วๆ เพราะอยากเรียนในห้องเรียนมากกว่าเรียนผ่านจอทีวี อีกทั้งยังอยากเจอเพื่อนๆ และครูด้วย








ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก ผู้จัดการออนไลน์

แสดงความคิดเห็น

ใหม่กว่า เก่ากว่า