พยากรณ์โรคสัปดาห์นี้ เตือนเกษตรกร ระวังป่วย "โรคฉี่หนู" เพิ่มขึ้น พบตายแล้ว 6 ราย



พยากรณ์โรคสัปดาห์นี้ 28 มิ.ย. - 4 ก.ค. ระวังป่วยโรคฉี่หนูเพิ่มในเกษตรกร เผยตั้งแต่ต้นปีป่วยแล้ว 501 ราย ตาย 6 ราย "ระนอง" ป่วยสูงสุด ย้ำอย่าแช่เท้านาน อาจติดโรคได้ ต้องสวมรองเท้าบูต หากมีไข้เฉียบพลัน ปวดหัวรุนแรง หนาวสั่น ตาแดง ปวดกล้ามเนื้อรุนแรง โดยเฉพาะน่อง ให้รีบพบแพทย์

วันนี้ (27 มิ.ย.) กรมควบคุมโรค เผยแพร่พยากรณ์โรคและภัยสุขภาพรายสัปดาห์ ประจำวันที่ 28 มิ.ย. - 4 ก.ค. 2563 เตือนช่วงช่วงหน้าฝนระวังป่วยโรคฉี่หนูเพิ่มขึ้น ในกลุ่มเกษตรกร โดยระบุว่า จากการเฝ้าระวังของกรมควบคุมโรค สถานการณ์ของโรคเลปโตสไปโรสิสหรือโรคไข้ฉี่หนู ในปี 2563 พบว่ามีจำนวนผู้ป่วยรวมทั้งสิ้น 501 ราย เสียชีวิต 6 ราย โดยจังหวัดที่มีอัตราป่วยต่อประชากรแสนคนสูงสุด 5 อันดับแรก คือ ระนอง ยะลา พังงา ศรีสะเกษ และสตูล ตามลำดับ ส่วนภาคที่มีอัตราป่วยสูงสุดคือ ภาคใต้ รองลงมาคือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคเหนือ และภาคกลาง ตามลำดับ และกลุ่มอายุที่พบมากอยู่ระหว่างอายุ 45–54 ปี รองลงมาคืออายุ 35-44 ปี และอายุ 55-64 ปี ตามลำดับ โดยอาชีพที่พบส่วนใหญ่คือ อาชีพเกษตรกร ร้อยละ 43.7

การพยากรณ์โรคและภัยสุขภาพประจำสัปดาห์นี้ คาดว่า ในช่วงนี้มีโอกาสจะพบผู้ป่วยโรคไข้ฉี่หนูเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มเกษตรกรที่อาจสัมผัสกับเชื้อโรคมากกว่ากลุ่มอื่นๆ เนื่องจากช่วงนี้เป็นฤดูฝนซึ่งเป็นฤดูกาลทำนา และโรคนี้มักพบผู้ป่วยจำนวนมากในช่วงฤดูฝนของทุกปี ประกอบกับหลายพื้นที่มีน้ำท่วมหรือน้ำขัง ประชาชนจึงเสี่ยงที่จะรับเชื้อเข้าสู่ร่างกายได้ขณะลุยน้ำ แช่ในน้ำนานๆ หรือย่ำดินโคลนหลังน้ำลด โดยภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จะพบผู้ป่วยสูงในช่วงเดือนมิ.ย.-ก.ย. ส่วนภาคใต้จะพบผู้ป่วยสูงช่วงเดือนพ.ย.-ม.ค.

โรคเลปโตสไปโรสิสหรือโรคไข้ฉี่หนู เป็นโรคติดต่อจากสัตว์สู่คน เชื้อจะถูกปล่อยออกมากับปัสสาวะของสัตว์ที่ติดเชื้อ โดยเฉพาะหนู ซึ่งเชื้ออาจปนเปื้อนอยู่ตามน้ำ ดินที่เปียกชื้น หรือพืชผัก สามารถเข้าสู่ร่างกายทางผิวหนังตามรอยแผล รอยขีดข่วน และเยื่อบุของปาก ตา และจมูก นอกจากนี้ยังสามารถเข้าทางผิวหนังปกติที่อ่อนนุ่มเนื่องจากแช่น้ำอยู่นาน ซึ่งคนมักติดเชื้อทางอ้อมขณะย่ำดินโคลน หรือแช่น้ำท่วม หรืออาจติดโรคโดยตรงจากการสัมผัสเชื้อในปัสสาวะสัตว์หรือเนื้อสัตว์ที่ปนเปื้อนเชื้อโดยการกินอาหารหรือน้ำ

กรมควบคุมโรค ขอแนะนำว่า ในการป้องกันโรค โดยหลีกเลี่ยงการแช่หรือลุยในน้ำที่อาจปนเปื้อนเชื้อจากปัสสาวะสัตว์นำโรค หรือถ้าจำเป็นควรสวมรองเท้าบูตหรือใช้ถุงมือยาง เช่น การทำความสะอาดบ้านหลังน้ำลด การทำเกษตรกรรมหรือเลี้ยงสัตว์ หลังจากลงไปในแหล่งน้ำหรือย่ำดินโคลนควรรีบทำความสะอาดร่างกาย กินอาหารที่ปรุงสุกใหม่และใส่ภาชนะมิดชิด ควรล้างผัก ผลไม้ ให้สะอาดก่อนนำมารับประทาน และควรควบคุมกำจัดหนูในบริเวณที่อยู่อาศัย สถานที่ทำงาน และแหล่งท่องเที่ยว

สำหรับผู้ที่มีประวัติเสี่ยงแช่น้ำ ย่ำดินโคลน หรือบุคคลทั่วไป หากพบว่ามีอาการป่วยด้วยไข้เฉียบพลัน ปวดศีรษะรุนแรง หนาวสั่น ตาแดง ปวดกล้ามเนื้ออย่างรุนแรง โดยเฉพาะที่น่องและโคนขา ให้รีบไปพบแพทย์เพื่อเข้ารับการรักษาโดยเร็ว






ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก ผู้จัดการออนไลน์


แสดงความคิดเห็น

ใหม่กว่า เก่ากว่า