กรรมการ “วัดเจดีย์” แฉ! มีคนอ้างผู้ใหญ่ขอมีเอี่ยวแบ่ง “ไอ้ไข่” ทุกรุ่น 20 เปอร์เซ็นต์


 กมธ.กิจการศาสนาฯ บุกสอบ “วัดไอ้ไข่” อ้างมีคนร้องถูกคุกคามหลังไปขายลอตเตอรี่ในวัด แต่กลับถามเรื่องเป็นวัดแก้บน-ให้เช่าวัตถุมงคล เจ้าอาวาสแจงให้สิทธิ 58 ครอบครัวที่อยู่มาตั้งแต่ต้นเข้ามาขายของได้ ชาวบ้านย้อนถาม กมธ.เป็นเครื่องมือให้ใคร กรรมการวัดแฉก่อนหน้านี้มีคนอกหักหลังขอแบ่งโควตาวัตถุมงคล 20 เปอร์เซ็นต์แต่ไม่ได้ ด้านคนร้องเผยมีคนออกค่าใช้จ่ายให้


วันนี้ (31 ส.ค.) ที่วัดเจดีย์ ต.ฉลอง อ.สิชล จ.นครศรีธรรมราช หรือ “วัดไอ้ไข่” สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่กำลังโด่งดังไปทั่วประเทศในขณะนี้ นายรงค์ บุญสวยขวัญ ส.ส.นครศรีธรรมราช เขต 1 พรรคพลังประชารัฐ รองประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) กิจการศาสนาศิลปวัฒนธรรม สภาผู้แทนราษฎร ได้นำ กมธ.จากพรรคเพื่อไทยและพรรคก้าวไกล เข้ารับฟังการสอบข้อเท็จจริง กรณีที่ได้รับหนังสือร้องเรียนจากผู้ที่ใช้ชื่อว่า นายภาณุวัชร พรมพัตร ตัวแทนผู้ขายสลากกินแบ่งรัฐบาล ว่า ชมรมผู้ขายลอตเตอรี่นครศรีธรรมราชได้เข้าไปขายสลากกินแบ่งรัฐบาลในวัดเจดีย์แล้วถูกชายฉกรรจ์ใช้อิทธิพลคุกคาม

ในการสอบข้อเท็จจริง กมธ.ได้นิมนต์พระครูพุทธเจติยาภิมณฑ์ เจ้าอาวาสวัดเจดีย์ ให้ข้อมูล โดยมีพระราชปริยัติเวที เจ้าคณะจังหวัดนครศรีธรรมราช ฝ่ายมหานิกาย ร่วมรับฟังและให้ข้อมูล นอกจากนี้ ยังมี น.ส.พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล ส.ส.นครศรีธรรมราช เขต 8 พรรคประชาธิปัตย์ พื้นที่ที่วัดตั้งอยู่ นายชัยชนะ เดชเดโช ส.ส.นครศรีธรรมราช เขต 6 พรรคประชาธิปัตย์ นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช เขต 3 พรรคประชาธิปัตย์ ผู้นำชุมชน และประชาชนเข้าร่วมรับฟัง

นายรงค์ บุญสวยขวัญ ส.ส.นครศรีธรรมราช เขต 1 พรรคพลังประชารัฐ รองประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) กิจการศาสนาศิลปวัฒนธรรม สภาผู้แทนราษฎร
นายรงค์ บุญสวยขวัญ ส.ส.นครศรีธรรมราช เขต 1 พรรคพลังประชารัฐ รองประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) กิจการศาสนาศิลปวัฒนธรรม สภาผู้แทนราษฎร

เมื่อเริ่มการสอบข้อเท็จจริง นายรงค์ ได้สอบถามถึงการที่วัดเจดีย์เป็นวัดที่มีผู้มาแก้บน และให้เช่าวัตถุมงคล ทำให้กลุ่มผู้นำชุมชนที่เข้ามาติดตามรับฟังเริ่มแสดงความไม่พอใจ โดยพระครูพุทธเจติยาภิมณฑ์ เจ้าอาวาสวัดเจดีย์ ได้ชี้แจงทำความเข้าใจถึงที่ไปที่มาของวัด พร้อมทั้งลักษณะการบริหารจัดการในวัดที่มีชุมชนรอบวัดเป็นเนื้อเดียวกับวัดเป็นผู้ดำเนินการ โดยเฉพาะการดูแลบริหารจัดการพื้นที่วัด ที่มีผู้เข้ามาค้าขายในวัดได้เพียง 58 ครอบครัว จากทั้งหมด 64 ครอบครัว โดยทั้ง 58 ครอบครัวนี้เป็นครอบครัวที่อยู่กับวัดมาดั้งเดิม ตั้งแต่ที่ผู้คนยังไม่รู้จักไอ้ไข่ 58 ครอบครัวนี้ได้ดูแลวัด อุปัฏฐากพระสงฆ์ จึงมีสิทธิภายในวัดก่อนใครอื่น

นายดำรัส เพชรทับ ข้าราชการครูเกษียณ ในฐานะผู้อาวุโสในชุมชนวัดเจดีย์ แสดงความเห็นในที่ประชุมว่า ชาวบ้านที่มาวันนี้คือชาวบ้านที่อยู่รอบวัดเจดีย์พร้อมตอบคำถาม ขอถามว่า การร้องเรียนนั้นตัวตนผู้ร้องเรียนเป็นใคร เกี่ยวข้องอะไรกับวัดเจดีย์ พร้อมทั้งเปรียบเทียบว่า หากตนจะร้องต่อ กมธ.ว่า ไปขายสลากกินแบ่งรัฐบาลในวัดพระมหาธาตุไม่ได้ กมธ.จะรับร้องเรียนหรือไม่ และตั้งข้อสังเกตว่า การร้องเรียนนั้นเป็นการจัดตั้งขึ้นมาใช่หรือไม่

“ที่ถามว่าเป็นวัดแก้บน เป็นวัตถุมงคลหรือไม่ ที่นี่คือประเพณี เราแก้บนไอ้ไข่กันตั้งแต่การทุบหลังคา ตั้งแต่เจ้าอาวาสยังไม่เกิดด้วยซ้ำ ดังนั้น วัฒนธรรมของชุมชนวัดเจดีย์ คนอื่นไม่น่าจะเข้ามาเกี่ยวข้องได้ และขอย้ำว่าทรายทุกเม็ดของวัดเจดีย์ ไม่มีเม็ดไหนที่รัฐเคยให้ คณะกรรมาธิการเป็นเครื่องมือให้ใครหรือไม่” นายดำรัส กล่าว

ด้าน น.ส.พิมพ์ภัทราได้เรียกร้องให้นายรงค์ชี้แจงที่ไปที่มาของการลงพื้นที่ พร้อมทั้งสรุปประเด็นร้องเรียนให้ชัดเจน เพื่อไม่ให้หลงประเด็น และขอให้การดำเนินการเป็นไปตามประเด็นตามขั้นตอนที่ถูกต้องของสภาผู้แทนฯ ซึ่งมีแนวทางปฏิบัติอยู่แล้ว ขณะที่นายชัยชนะ ได้ตั้งข้อสังเกตว่า การทำงานของ กมธ.ข้ามขั้นตอนหรือไม่ เพราะยังไม่มีการเรียกผู้ร้องและผู้ถูกร้องเรียนไปให้ข้อมูลที่สภาผู้แทนฯ แต่กลับมีการลงพื้นที่แล้ว

นายดำรัส เพชรทับ ข้าราชการครูเกษียณ ในฐานะผู้อาวุโสในชุมชนวัดเจดีย์
นายดำรัส เพชรทับ ข้าราชการครูเกษียณ ในฐานะผู้อาวุโสในชุมชนวัดเจดีย์

หลังการสอบข้อมูล พระครูพุทธเจติยาภิมณฑ์ เปิดเผยว่า ทั้งพระสงฆ์และชาวบ้านรู้สึกงุนงงกับ กมธ. มาแบบนี้ไม่ใช่ตรวจสอบ น่าจะเรียกว่าประเมินใน 3 ประเด็นหลักๆ คือเรื่องการจัดการค้าขายคือชุมชนดำเนินการ บัญชีวัดก็ทำมานานแล้ว และเรื่องของสิ่งแวดล้อมวัดกำลังเร่งแก้ไข ขึ้นต้นไม้ต้องมีทางลง กมธ.คงเลือกสรุปลงทาง 3 ประเด็นนี้ ถ้าไปเรื่องอื่นคงไม่จบวันนี้ ส่วนเบื้องหลังของขบวนการร้องเรียนนั้นเขาคงไม่ชอบใจ เรามีหน้าที่ตอบก็ตอบไป

ด้านกรรมการวัดที่มีหน้าที่รับผิดชอบวัตถุมงคลรายหนึ่ง ได้ให้ข้อมูลว่า ก่อนหน้านี้ มีบุคคลรายหนึ่งซึ่งเป็นที่รู้จักกันดี ได้เข้ามาเจรจาต่อรองทำนองขอแบ่งโควตาวัตถุมงคลทุกรุ่นที่วัดสร้าง รุ่นละ 20 เปอร์เซ็นต์ของที่สร้าง โดยอ้างว่าจะนำไปแบ่งให้ผู้หลักผู้ใหญ่ แต่วัดจัดให้ไม่ได้ เนื่องจากทำในรูปกรรมการและชุมชนเป็นคนดำเนินการ ทุกอย่างต้องโปร่งใส การได้วัตถุมงคลมีขั้นตอนอยู่แล้ว ซึ่งหลังจากที่มีการปฏิเสธเรื่องการร้องเรียนก็เกิดขึ้น ไม่แน่ใจว่าเกี่ยวข้องกันหรือไม่

พระครูพุทธเจติยาภิมณฑ์ เจ้าอาวาสวัดเจดีย์
พระครูพุทธเจติยาภิมณฑ์ เจ้าอาวาสวัดเจดีย์

อย่างไรก็ตาม นายภาณุวัช พรมพัตร ผู้ร้องเรียน เปิดเผยว่า เป็นผู้ร้องเรียนจริง ในฐานะที่เคยประสบเหตุ เอาสลากกินแบ่งรัฐบาลไปขายแล้วถูกขับไล่ออกจากพื้นที่ เนื่องจากไม่มีสิทธิขายภายในวัด ส่วนการร้องเรียนนั้นเป็นการตกกระไดพลอยโจน มีผู้ที่ติดตามเรื่องนี้อยู่แล้ว แต่ไม่มีช่องทางที่จะดำเนินการ

“ในฐานะที่เคยประสบเหตุจึงขอให้ผมเป็นผู้ร้องเรียน โดยผู้ที่ให้ร้องเรียนได้ออกค่าเครื่องบิน ค่าใช้จ่ายในการเดินทางให้ ส่วนการที่ กมธ.ลงมาสอบข้อเท็จจริงภายในวัดเจดีย์ หรือวัดไอ้ไข่ ผมไม่ทราบเรื่อง และยังไม่ได้รับการประสานงานใดๆ เพื่อไปให้ข้อมูลเลยหลังจากส่งหนังสือร้องเรียนไปแล้ว” นายภาณุวัช กล่าว





ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก ผู้จัดการออนไลน์

แสดงความคิดเห็น

ใหม่กว่า เก่ากว่า