เหตุเกิดที่ตรังเมื่อลูกทรพีขอเงินซื้อยานรกไม่ได้ คว้าขวานจามหัวพ่อบังเกิดเกล้าดับ ก่อนลากศพทิ้งอำพราง

ลูกทรพีขอเงินซื้อยานรกไม่ได้ คว้าขวานจามหัวพ่อบังเกิดเกล้าดับ ก่อนลากศพทิ้งอำพราง
เมื่อเวลา 00.15 น. วันที่ 15 ก.ค. ตำรวจ สภ.ย่านตาขาว เข้าตรวจสอบเหตุชายถูกทำร้ายร่างกายเสียชีวิต หลังบ้านเลขที่ 115 หมู่ 4 บ้านท่าบันได ต.ทุ่งกระบือ อ.ย่านตาขาว ที่เกิดเหตุเป็นบ้านปูนชั้นเดียว บริเวณพื้นดินขอบบ่อน้ำทิ้งมีหญ้าสูงปกคลุมรกทึบ ขอบบ่อพบร่างของนายชาติ สองเมือง หรือหมิน อายุ 58 ปี เจ้าของบ้าน นอนคว่ำหน้าเสียชีวิต ตรวจสอบสภาพศพพบบาดแผลถูกจามด้วยขวานเข้าที่กลางกระหม่อม เป็นแผลขนาดเท่ากับขวาน จำนวน 1 แผล และที่หูขวา 1 แผล หัวไหล่ด้านซ้ายและแขนซ้ายเป็นแผลถลอกคาดว่าเสียชีวิตมาไม่ต่ำกว่า 18 ชม. ส่วนผู้ก่อเหตุกำลังหลบซ่อนตัวอยู่ภายในบ้านเป็นลูกชายของผู้ตาย ทราบชื่อต่อมานายกิตติศักดิ์ สองเมือง หรือหลิม อายุ 31 ปี ลูกชายผู้ตาย
ทางนายสมพงศ์ ไพบูลย์ กำนัน ต.ทุ่งกระบือ พร้อมด้วยบรรดาญาติผู้เสียชีวิตได้ทำการเกลี่ยกล่อม ผู้ก่อเหตุเพื่อให้ออกมามอบตัว นานกว่า 1 ชม.จึงจะสำเร็จ พร้อมกันนั้นได้เข้าไปตรวจสอบภายในบ้านไม่พบร่องรอยคราบเลือดแต่อย่างใด ทั้งนี้พบของกลาง เป็นขวาน หน้ากว้าง 3.5 นิ้ว มีด้ามจับเป็นไม้ยาว ประมาณ 40 ชม. ก่อนเจ้าหน้าที่จะควบคุมตัวไปสอบสวน
จากการสอบสวน นายกิติศักดิ์ ผู้ก่อเหตุ เบื้องต้นยังคงให้การวกวน แต่ให้การรับสารภาพว่าเป็นคนลงมือฆ่าพ่อตัวเองจริง โดยลงมือก่อเหตุเมื่อช่วงเวลาประมาณระหว่าง 01.00-03.00 ของคืนวันที่ 14 ก.ค.ที่ผ่านมา โดยได้ทะเลาะและมีปากเสียงกับพ่ออย่างรุนแรง เนื่องจากตนเองขอเงินไปซื้อยาบ้า แต่ผู้เป็นพ่อไม่ให้ และในระหว่างที่พ่อเข้าห้องนอนหลับอยู่ภายในห้อง ตนจึงถือขวานเข้าไปจามเข้าศีรษะและเสียชีวิตทันที ก่อนจะลากศพออกไปจากจากบ้าน และได้กลับมาทำความสะอาดบ้านเพื่อไม่ให้มีร่องรอยของคราบเลือด จนกระทั่งเวลาประมาณ 19.00 น.จึงได้โทรไปหาพี่ชายที่อยู่ต่างจังหวัดว่าได้ลงมือฆ่าพ่อ จึงทำให้พี่ชายติดต่อมาที่ญาติพี่น้องที่อยู่ใกล้กันให้ทราบเรื่อง
จากการสอบถามพยานแวดล้อมทราบว่า คืนที่เกิดเหตุ ได้ยินเสียงพ่อกับลูกทะเลาะดังออกมาจากบ้านหลังดังกล่าว ซึ่งเป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นในทุกวัน โดยทั้งสองทะเลาะกันอยู่บ่อยครั้ง จนกระทั่งเงียบไป โดยที่ปกติทุกเช้าผู้ตายจะมานั่งดื่มกาแฟที่บ้านญาติ แต่ปรากฏว่าเช้าที่ผ่านมาไม่ได้มา ก็เลยสงสัย จึงได้เดินไปที่บ้าน พบเพียงลูกชายนั่งอยู่หน้าบ้าน จึงได้สอบถามว่าผู้ตายไปไหน ลูกชายตอบว่าไม่รู้ แต่ท่าทีมีพิรุธ จึงได้ออกกลับมา พร้อมกับรีบเข้าไปคุยกับญาติว่าให้ช่วยกันตามหา แต่ก็ไม่พบ ต่อมาในช่วงบ่ายได้เข้ามาที่บ้านหลังดังกล่าวพร้อมกับบรรดาญาติ เพื่อจะเข้าไปดูภายในบ้าน แต่ผู้ก่อเหตุสั่งห้ามและกีดกันไม่ให้เข้า จึงได้ออกกันตามหาอีกครั้ง จนกระทั่งพี่ชายของผู้ก่อเหตุโทรศัพท์มาแจ้งว่า ผู้ก่อเหตุได้โทรศัพท์ไปหาว่าลงมือฆ่าพ่อและนำศพไปทิ้ง ทำให้พบเป็นศพอยู่จุดดังกล่าว
จากการตรวจสอบประวัติ พบว่าผู้ก่อเหตุเคยต้องคดีลักทรัพย์ (ปาล์มน้ำมัน) เมื่อต้นปีที่ผ่านมา จนถูกคุมขัง และได้รับการปล่อยตัวออกมา นอกจากนี้ยังเสพยาบ้า น้ำต้มพืชกระท่อม และสารเสพติดชนิดอื่นๆมาเป็นระยะเวลานาน มีอาการทางประสาทร่วมด้วย ผลพวงมาจากการใช้สารเสพติด และทำการรักษาโดยการรับประทานยาจาก รพ.ย่านตาขาวอยู่เป็นระยะเวลากว่า 5 ปีแล้ว จนกระทั่งมาก่อเหตุดังกล่าว เบื้องต้นแจ้งข้อหาฆ่าบุพการีโดยเจตนา และซ่อนเร้นอำพรางศพ ก่อนนำตัวไปคุมขังและเตรียมนำส่งฟ้องศาลต่อไป.




ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก ศรีตรังเคเบิลทีวี"คนข่าวท้องถิ่น"

 

แสดงความคิดเห็น

ใหม่กว่า เก่ากว่า