หมอฟันชื่อดังสานต่ออาชีพทำสวนผลไม้ของครอบครัว ปลูก “ทุเรียนสองคาบสมุทร” ใกล้เทือกเขาบรรทัด จนขายดีเทน้ำเทท่า และลูกค้าแห่กันสั่งซื้อไปชิม เพราะติดใจในรสชาติที่หวาน มัน อร่อย
“หมอติ้ว” ทันตแพทย์พงษ์ชัย ภูพิชญ์พงษ์ เจ้าของคลินิกหมอฟันชื่อดังในเมืองตรัง ได้ใช้เวลาว่างมาสานต่ออาชีพทำสวนผลไม้ต่อจากพ่อแม่ ภายในเนื้อที่ประมาณ 30 ไร่ ริมเขาช่องใกล้เทือกเขาบรรทัด บริเวณหมู่ 7 ต.ช่อง อ.นาโยง จ.ตรัง โดยเฉพาะทุเรียนหมอนทอง ที่ปลูกและให้ผลผลิตมายาวนานแล้วประมาณ 30 ต้น ได้เป็นที่หมายปองของลูกค้าขาประจำ เนื่องจากมีรสชาติหวาน มัน อร่อย อันเป็นผลมาจากการดูแลรักษาทุเรียนให้เป็นไปตามมาตรฐานการเกษตร จนสร้างความมั่นใจต่อลูกค้าในการบริโภค ประกอบกับสถานที่ปลูกตั้งอยู่บนรอยต่อระหว่าง จ.ตรัง-พัทลุง หรือจุดเชื่อมระหว่างฝั่งอันดามันกับฝั่งอ่าวไทย ซึ่งส่งผลต่อการเจริญเติบโตที่ดีของไม้ผล และกลายเป็นที่มาของชื่อ “ทุเรียนสองคาบสมุทร” (อินเดีย-แปซิฟิก)
ทั้งนี้ สาเหตุที่หมอติ้ว เลือกปลูกเฉพาะทุเรียนหมอนทอง เนื่องจากสามารถจัดการได้ง่ายกว่ามีหลายสายพันธุ์ และทุเรียนหมอนทองยังเป็นที่นิยมของลูกค้าในทุกระดับ ชนิดมีเท่าไหร่ก็ขายหมด โดยเฉพาะในปี 2564 มีผลผลิตทุเรียนออกมาประมาณ 300 ลูก ซึ่งอาจน้อยกว่าทุกปี เนื่องจากเจอสภาพฝนที่ตกมาเร็วกว่ากำหนด จนส่งผลให้ทุเรียนทิ้งลูกอ่อนไปไม่น้อย แต่ส่วนที่เหลือก็ถูกจอง และขายหมดเกลี้ยงในราคากิโลกรัมละ 150 บาท น้ำหนักเฉลี่ยลูกละ 3-4 กิโลกรัม โดยที่ลูกค้ามาจากพรรคพวกเพื่อนฝูง ทั้งใน จ.ตรัง และต่างจังหวัด ทำให้ทางสวนกำลังเร่งปลูกทุเรียนหมอนทองเพิ่มขึ้นอีก 200 ต้น เพื่อให้เพียงพอต่อความต้องการ ซึ่งคาดว่าในอีก 2-3 ปีข้างหน้า ทุเรียนจะให้ผลผลิตออกมาไม่น้อยกว่า 1,000 ลูก
“หมอติ้ว” ทันตแพทย์พงษ์ชัย ภูพิชญ์พงษ์ เจ้าของคลินิกหมอฟันชื่อดังในเมืองตรัง ได้ใช้เวลาว่างมาสานต่ออาชีพทำสวนผลไม้ต่อจากพ่อแม่ ภายในเนื้อที่ประมาณ 30 ไร่ ริมเขาช่องใกล้เทือกเขาบรรทัด บริเวณหมู่ 7 ต.ช่อง อ.นาโยง จ.ตรัง โดยเฉพาะทุเรียนหมอนทอง ที่ปลูกและให้ผลผลิตมายาวนานแล้วประมาณ 30 ต้น ได้เป็นที่หมายปองของลูกค้าขาประจำ เนื่องจากมีรสชาติหวาน มัน อร่อย อันเป็นผลมาจากการดูแลรักษาทุเรียนให้เป็นไปตามมาตรฐานการเกษตร จนสร้างความมั่นใจต่อลูกค้าในการบริโภค ประกอบกับสถานที่ปลูกตั้งอยู่บนรอยต่อระหว่าง จ.ตรัง-พัทลุง หรือจุดเชื่อมระหว่างฝั่งอันดามันกับฝั่งอ่าวไทย ซึ่งส่งผลต่อการเจริญเติบโตที่ดีของไม้ผล และกลายเป็นที่มาของชื่อ “ทุเรียนสองคาบสมุทร” (อินเดีย-แปซิฟิก)
ทั้งนี้ สาเหตุที่หมอติ้ว เลือกปลูกเฉพาะทุเรียนหมอนทอง เนื่องจากสามารถจัดการได้ง่ายกว่ามีหลายสายพันธุ์ และทุเรียนหมอนทองยังเป็นที่นิยมของลูกค้าในทุกระดับ ชนิดมีเท่าไหร่ก็ขายหมด โดยเฉพาะในปี 2564 มีผลผลิตทุเรียนออกมาประมาณ 300 ลูก ซึ่งอาจน้อยกว่าทุกปี เนื่องจากเจอสภาพฝนที่ตกมาเร็วกว่ากำหนด จนส่งผลให้ทุเรียนทิ้งลูกอ่อนไปไม่น้อย แต่ส่วนที่เหลือก็ถูกจอง และขายหมดเกลี้ยงในราคากิโลกรัมละ 150 บาท น้ำหนักเฉลี่ยลูกละ 3-4 กิโลกรัม โดยที่ลูกค้ามาจากพรรคพวกเพื่อนฝูง ทั้งใน จ.ตรัง และต่างจังหวัด ทำให้ทางสวนกำลังเร่งปลูกทุเรียนหมอนทองเพิ่มขึ้นอีก 200 ต้น เพื่อให้เพียงพอต่อความต้องการ ซึ่งคาดว่าในอีก 2-3 ปีข้างหน้า ทุเรียนจะให้ผลผลิตออกมาไม่น้อยกว่า 1,000 ลูก
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก ผู้จัดการออนไลน์
Tags
ข่าวเมืองตรัง