ยิงดับ 2 พี่น้องริมถนนเพชรเกษมหาดใหญ่-พัทลุง ขณะเก็บเศษไม้ขายหาเลี้ยงครอบครัว


 คนร้ายยิงดับ 2 พี่น้องชาวเขาชัยสน จ.พัทลุง ขณะเก็บเศษไม้ขายหาเลี้ยงครอบครัว 9 ชีวิต ตำรวจเร่งสอบสวนหาสาเหตุ แม่เผยทั้งคู่ไม่เคยเล่าอะไรให้ฟัง จึงไม่ทราบว่าสาเหตุมาจากเรื่องใด และมีความโกรธแค้นกับใคร


เมื่อคืนที่ผ่านมา ร.ต.ท.ชาญณรงค์ สันยัง ร้อยเวร สภ.เขาชัยสน จ.พัทลุง รับแจ้งจากพลเมืองดีมีเหตุคนร้ายไม่ทราบจำนวน ใช้อาวุธปืนยิง 2 พี่น้องเสียชีวิตขณะกลับจากหาเศษไม้ป่าขาย โดยเหตุเกิดบนถนนเพชรเกษม ฝั่งขาขึ้นหาดใหญ่-พัทลุง ช่วงหลักกิโลเมตรที่ 1185 เลยปากทางบ้านไร่ลุ่ม ท้องที่หมู่ 8 ต.เขาชัยสน อ.เขาชัยสน จ.พัทลุง หลังรับแจ้งจึงเดินทางรุดตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมด้วย พล.ต.ต.วรา เวชชาอภินันต์ ผบก.ภจ.ว.พัทลุง เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน เจ้าหน้าที่ตำรวจกองพิสูจน์หลักฐาน แพทย์เวรโรงพยาบาลเขาชัยสน และเจ้าหน้าที่อาสาสมัครกู้ภัยพัทลุง


โดยในที่เกิดเหตุเจ้าหน้าที่พบศพแรก ทราบชื่อคือ นายพงศ์นิตย์ ปัญญาจิต อายุ 20 ปี นอนเสียชีวิตใกล้รถจักรยานยนต์ฮอนด้า หมายเลขทะเบียน 1กจ 7432 พัทลุง สภาพศพมีบาดแผลถูกยิงเข้าบริเวณแผ่นหลังทะลุหน้าอก และแขนขวารวม 2 นัด บริเวณหน้ารถพบเครื่องเลื่อยโซ่ยนต์อีก 1 เครื่อง จึงบันทึกไว้เป็นหลักฐาน ห่างออกไป 10 เมตร เจ้าหน้าที่พบศพ นายบุญยง ปัญญาจิต อายุ 19 ปี น้องชาย มีบาดแผลถูกยิงด้วยอาวุธปืนไม่ทราบขนาดเข้าบริเวณแผ่นหลัง 2 นัด ใต้ราวนมขวา 1 นัด นอนเสียชีวิตข้างรถจักรยานยนต์พ่วงข้างที่บรรทุกเศษไม้ป่า หมายเลขทะเบียน 1กค 1632 พัทลุง เจ้าหน้าที่จึงบันทึกไว้เป็นหลักฐาน และตรวจสอบในที่เกิดเหตุเพื่อหาวัตถุพยานเพิ่มเติม โดยเฉพาะปลอกกระสุนแต่ยังไม่พบ

จากการสอบถามในที่เกิดเหตุไม่มีใครพบเห็น เนื่องจากจุดดังกล่าวห่างไกลจากบ้านผู้คน โดยหลังเกิดเหตุมีพลเมืองดีขับรถมาเจอ และเข้าใจว่าประสบอุบัติเหตุ ก่อนจะรีบแจ้งอาสากู้ภัยให้เข้าตรวจสอบ แต่พบทั้ง 2 ศพถูกยิงเสียชีวิต เลยแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ตรวจสอบที่เกิดเหตุดังกล่าว


ขณะเดียวกันแม่ของผู้เสียชีวิตเดินทางมาดูศพลูกชาย พร้อมระบุว่าทั้ง 2 คนเป็นพี่น้องกัน โดยได้ออกไปหาไม้ป่าขายเพื่อหารายได้เลี้ยงครอบครัว ซึ่งมีพ่อเป็นผู้ป่วยติดเตียง และดูแลแม่กับน้องรวม 9 คน ในช่วงบ่ายได้หาเศษไม้ขายไปแล้ว 1 เที่ยว และตกเย็นก็ออกไปเก็บไม้ป่าอีกครั้ง แม่ทักว่าจะค่ำแล้วอย่าออกไปเลย แต่ทั้ง 2 คนยังออกมา จนกระทั่งถูกยิงเสียชีวิตดังกล่าว โดยทั้ง 2 คนไม่เคยเล่าให้แม่ฟังเลยว่าสาเหตุมาจากเรื่องอะไร และมีความโกรธแค้นกับใคร

ด้าน พล.ต.ต.วรา เวชชาอภินันต์ ผบก.ภจ.ว.พัทลุง หลังตรวจสอบที่เกิดเหตุได้เรียกนายตำรวจที่เกี่ยวข้องหารือ เพื่อหาแนวทางการสืบสวนติดตามคนร้ายมาดำเนินคดีตามกฎหมาย โดยวางแนวทางจากการสืบประวัติผู้เสียชีวิตว่ามีส่วนพัวพันกับสิ่งผิดกฎหมายหรือไม่ ก่อนถูกยิงเสียชีวิตได้ไปตัดไม้ป่าในบริเวณใด และให้ชุดสืบสวนออกดูกล้องวงจรปิดในบริเวณใกล้เคียงกับที่เกิดเหตุ เพื่อที่จะสรุปแนวทางการสืบสวนต่อ พร้อมกับในวันพรุ่งนี้ให้เจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบในที่เกิดเหตุอีกครั้ง


ซึ่งล่าสุดเมื่อช่วงเช้าวันนี้ (18 ส.ค.) เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน และเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดอีโอดี กองบังคับการตำรวจภูธรพัทลุง ได้เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุเพื่อหาวัตถุพยาน โดยเจ้าหน้าที่พบหัวกระสุนปืนขนาด .357 จำนวน 1 หัว สอดคล้องกับหัวกระสุนที่พบในศพผู้เสียชีวิต แต่ในที่เกิดเหตุไม่พบปลอกกระสุนแต่อย่างใด ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้เก็บเพื่อนำไปส่งตรวจว่าหัวกระสุนดังกล่าวมาจากอาวุธปืนของใคร และใครเป็นผู้ก่อเหตุ

นอกจากนี้ในจุดเกิดเหตุยังพบต้นไม้ของแขวงทางหลวงพัทลุง ที่ปลูกไว้ริมทางมีร่องรอยการตัดไปแล้ว จำนวน 2 ต้น และได้บันทึกไว้เป็นหลักฐาน ก่อนที่จะเรียกเจ้าหน้าที่แขวงการหลวงพัทลุงมาสอบสวนเพิ่มเติมด้วย

ด้าน พ.ต.อ.ภาคิน ณ ระนอง รอง ผบก.ภจ.ว.พัทลุง กล่าวว่า แนวทางการสอบสวนในเบื้องต้น ทางเจ้าหน้าที่มุ่งปมการตัดไม้ป่าขายของผู้เสียชีวิต เนื่องจากก่อนหน้านี้ในพื้นที่พบว่ามีการรายงานการลักลอบตัดไม้ในสวนยางพาราของชาวบ้านหลายราย ซึ่งผู้ก่อเหตุอาจจะเข้าใจว่าเป็น 2 พี่น้องที่แอบตัด ซึ่งได้สั่งการให้ชุดสืบสวนเร่งลงพื้นที่เพื่อหาเบาะแสว่าผู้เสียชีวิตเคยมีปัญหาขัดแย้ง หรือทะเลาะกับใครบ้าง พร้อมลงพื้นที่หาจุดรับซื้อไม้ที่ผู้เสียชีวิตนำไปขายเพื่อหาเบาะแสความขัดแย้งมาคลี่คลายคดีต่อไป

ขณะที่ผู้เสียชีวิตทั้ง 2 ราย ญาติได้นำศพมาประกอบพิธีทางศาสนาแล้ว โดยนำมาฝังที่กุโบร์บ้านควนนาช่อง ท้องที่ใกล้บ้าน โดยผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่บ้านของผู้เสียชีวิต พบว่าครอบครัวมีฐานะยากจน พ่อป่วยพิการ ไม่สามารถทำมาหาเลี้ยงชีพได้ ขณะที่ศพของ 2 พี่น้อง ผู้เป็นแม่ก็ไม่มีเงินจะซื้อผ้าห่อศพในการนำไปฝัง ทางมัสยิดได้ช่วยอนุเคราะห์ในการทำศพให้ โดยพ่อของผู้เสียชีวิต คือนายประยูร ปัญญาจิต อายุ 50 ปี ร้องไห้เสียใจกับการจากไปของลูกทั้ง 2 คน เนื่องจากเป็นแรงงานหลักในการหาเลี้ยงครอบครัว









    ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก ผู้จัดการออนไลน์

    แสดงความคิดเห็น

    ใหม่กว่า เก่ากว่า