ออเดอร์พุ่ง! วิสาหกิจชุมชนบ้านสมุนไพรห้วยนาง จ.ตรัง เร่งเพาะขยายพันธุ์ต้นกล้ากัญชาขาย


  วิสาหกิจชุมชนบ้านสมุนไพรห้วยนาง จ.ตรัง เร่งเพาะขยายพันธุ์ต้นกล้ากัญชาขาย เผยออเดอร์พุ่งและผลผลิตในตลาดยังไม่เพียงพอ ขณะที่ต้นกล้ากระท่อมยังขายดี ไม่มีผลกระทบ หลังมีการปลดล็อกกัญชาเสรี


วันนี้ (29 มิ.ย.) นายพสิษฐ์ บุญยอด อายุ 64 ปี ประธานวิสาหกิจชุมชนบ้านสมุนไพรห้วยนาง ต.ห้วยนาง อ.ห้วยยอด จ.ตรัง นำผู้สื่อข่าวดูพื้นที่ภายในสวนปาล์มน้ำมันที่ทางกลุ่มได้ใช้พื้นที่ว่างกลางร่องสวนเพาะกล้าพันธุ์พืชกระท่อมจำหน่าย และขณะนี้ได้แบ่งพื้นที่บางส่วนในการเพาะกล้าพันธุ์กัญชา “สายพันธุ์หางกระรอกภูพาน” ซึ่งเป็นสายพันธุ์ไทยเหมาะกับสภาพอากาศในประเทศไทย และขณะนี้เป็นแปลงใหญ่แปลงเดียวใน จ.ตรัง หลังจากมีการปลดล็อกกัญชาเสรี พบว่ามียอดสั่งซื้อเข้ามาจำนวนมาก จนทางกลุ่มต้องเร่งเพาะขยายกล้าพันธุ์ เพื่อให้ทันความต้องการของกลุ่มวิสาหกิจชุมชนต่างๆ ที่สั่งซื้อเข้ามาเป็นจำนวนมากจากทั่วประเทศ รวมทั้งประชาชนทั่วไปที่ต้องการตามที่ทางราชการอนุญาต โดยทางกลุ่มยืนยันไม่จำหน่ายให้แก่กลุ่มเยาวชนอย่างเด็ดขาด


ทั้งนี้ ต้นกล้าพันธุ์กัญชา ถือเป็นพืชที่เพาะขยายพันธุ์ได้ค่อนข้างยาก และเมล็ดพันธุ์ขณะนี้ถือว่ายังหายากและเพาะยาก ต้องเป็นคนที่มีใจรักและเรียนรู้วิธีการเพาะการดูแลรักษาเป็นอย่างดี จึงได้ต้นกล้าพันธุ์สมบูรณ์จำหน่าย โดยขณะนี้ทางกลุ่มได้จัดเตรียมต้นกล้าพันธุ์ไว้ประมาณ 100,000 ต้น ส่วนที่พร้อมจำหน่ายได้แล้วประมาณ 50,000 ต้น ปรากฏว่าขณะนี้มียอดสั่งซื้อเข้ามาจำนวนมาก ส่วนใหญ่เป็นวิสาหกิจชุมชนต่างๆ จากหลายจังหวัด ทั้งภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคใต้จากหลายจังหวัด รวมทั้งยังมีประชาชนที่ต้องการคนละประมาณ 5-15 ต้น

นายพสิษฐ์ บุญยอด ประธานวิสาหกิจชุมชนบ้านสมุนไพรห้วยนาง กล่าวว่า ลูกค้าที่สั่งซื้อเข้ามาจำนวนมากมาจากหลายจังหวัด เป็นกลุ่มลูกค้าเดียวกันกับพืชกระท่อม โดยนำไปปลูกสลับกันกับพืชกระท่อม โดยพืชกัญชาจะเป็นพืชระยะสั้น ส่วนพืชกระท่อมอายุยาวนานมากกว่า แต่ขณะนี้ทั้งกระท่อมและกัญชายังคงเป็นที่นิยมของตลาด และทั้ง 2 ชนิดจะเป็นพืชที่สามารถช่วยพลิกฟื้นเศรษฐกิจให้ประชาชนได้ ความต้องการของตลาดมีสูง โดยเฉพาะพืชกระท่อมตลาดยังดี ถึงแม้จะมีการเปิดกัญชาเสรีแล้วก็ตาม เพราะกระท่อมสามารถปลูกได้เฉพาะในประเทศไทย และเก็บผลผลิตได้นานเพราะมีอายุยาว ส่วนกัญชาแม้จะสามารถปลูกได้ทั่วโลก และมีอายุสั้น แต่เก็บผลผลิตได้เร็ว และความต้องการใช้ยังมีสูง


โดยกระท่อม 1 ต้น จะเก็บขายได้เดือนละ 3,000 บาท หรือสร้างรายได้ให้ปีละ 36,000 บาท ขณะที่กัญชาถ้าดูแลดีๆ จะได้ต้นละนับหมื่นบาทเพราะขายได้ทุกส่วน ตั้งแต่รากไปจนถึงยอดและช่อดอก ขณะที่ต้นทุนในการปลูกพืชทั้ง 2 ชนิดนี้ก็มีน้อย แต่ปัจจุบันยังมีเกษตรกรปลูกกันไม่มาก

ดังนั้น ทางวิสาหกิจฯ จึงขอเชิญชวนให้หันมาปลูกกระท่อมและกัญชากัน โดยทางกลุ่มจะช่วยถ่ายทอดความรู้ พร้อมดูแลให้อย่างครบวงจร นับตั้งแต่การปลูก การดูแลรักษา การให้มาศึกษาดูงาน รวมทั้งการตลาด โดยกระท่อม ทางกลุ่มจะรับซื้อผลผลิตคืนจากเกษตรกรในราคา กก.ละ 150-200 บาท ส่วนกัญชาจะประสานให้ทางบริษัทรายใหญ่ลงมารับซื้อผลผลิตถึงที่กลุ่มเลย สำหรับผู้ที่สนใจอยากศึกษาดูงาน หรือขอคำปรึกษาการปลูก ติดต่อได้ที่วิสาหกิจชุมชนบ้านสมุนไพรห้วยนาง โทร.08-9649-9296










    ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจก ผู้จัดการออนไลน์

    แสดงความคิดเห็น

    ใหม่กว่า เก่ากว่า