เทศบาล ต.ทุ่งกระบือ จ.ตรัง
และผู้นำในพื้นที่ รุดเยี่ยมครอบครัวหนุ่มป่วยเป็นออทิสติกแล้วอาละวาด
จนแม่ต้องกักตัวไว้ในบ้านนานกว่า 13 ปี โดยเร่งหาทางช่วยเหลืออย่างเต็มที่
วันนี้
(14 พ.ย.) นายธนทัต ชูแสง รองนายกเทศมนตรี ต.ทุ่งกระบือ อ.ย่านตาขาว
จ.ตรัง พร้อมเจ้าหน้าที่พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ อสม.
และผู้นำชุมชนใน ต.ทุ่งกระบือ กว่า 30 คน ได้เดินทางไปยังบ้านเลขที่ 175
หมู่ที่ 2 ต.ทุ่งกระบือ ซึ่งเป็นบ้านของ น.ส.วาสนา จุฑาพิรักษ์ อายุ 58 ปี
เพื่อเร่งให้ความช่วยเหลือ หลังจากที่ น.ส.วาสนา
ร้องขอให้มีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำ นายธีรภัทร จุฑาพิรักษ์ อายุ 28 ปี
บุตรชาย ซึ่งป่วยเป็นออทิสติกมาตั้งแต่กำเนิด ให้เข้ารับการบำบัดและฟื้นฟู
หลังบุตรชายมีพฤติกรรมก้าวร้าว ทำร้ายแม่ ทำลายสิ่งของภายในบ้าน
และหนีออกจากบ้าน แต่กลับบ้านไม่ถูก ทำให้ผู้เป็นแม่ต้องออกตามหาจนดึกดื่น
เพราะกลัวลูกชายออกไปทำร้ายบุคคลภายนอก
ดังนั้น น.ส.วาสนา จึงจำต้องตัดสินใจขังลูกชายไว้ในบ้าน ตั้งแต่อายุประมาณ 12-13 ปี หรือเป็นเวลากว่า 13 ปีแล้ว เพื่อไม่ให้ลูกชายหนีหายออกจากบ้าน เพื่อผู้เป็นแม่จะได้มีเวลาออกไปหางานทำนอกบ้าน มีรายได้มาเป็นค่าเลี้ยงดูครอบครัว พร้อมหวั่นว่าหากตัวเองเสียชีวิตลงในอนาคตอันใกล้ ลูกชายจะไม่มีที่พักพิง เนื่องจากไม่มีญาติพี่น้องที่ไหน และอาศัยอยู่กันแค่ 2 คนแม่ลูกเท่านั้น ซึ่งล่าสุด น.ส.วาสนา ยอมรับว่า ได้รับบัตรสวัสดิการแห่งรัฐแล้ว และลูกชายก็มีบัตรคนพิการแล้ว แต่ก็ยังร้องขอให้มีหน่วยงานรับลูกชายไปดูแลอย่างถาวร และไม่ต้องการสิ่งใดตอบแทน
ด้าน นายธนทัต ชูแสง รองนายกเทศมนตรี ต.ทุ่งกระบือ อ.ย่านตาขาว จ.ตรัง ยืนยันว่า เทศบาล ต.ทุ่งกระบือ และผู้นำชุมชนได้พยายามดูแลครอบครัว น.ส.วาสนา อย่างเต็มที่แล้วตามสวัสดิการของภาครัฐ และไม่เคยทอดทิ้งชาวบ้านตามที่เป็นข่าวก่อนหน้านี้ โดยในส่วนของผู้พิการก็ได้รับเงินสวัสดิการเดือนละ 800 บาทครบทุกเดือน และยังได้รับเงินตามสวัสดิการของผู้ยากไร้ด้วย รวมในหนึ่งเดือนจะได้รับประมาณ 1,300 บาท ในส่วนของกิจกรรมต่างๆ ทางเทศบาล และผู้นำชุมชนก็จะมาตรวจเยี่ยมตามโอกาสและเวลา โดยไม่ได้ทอดทิ้งแต่อย่างใด
ดังนั้น น.ส.วาสนา จึงจำต้องตัดสินใจขังลูกชายไว้ในบ้าน ตั้งแต่อายุประมาณ 12-13 ปี หรือเป็นเวลากว่า 13 ปีแล้ว เพื่อไม่ให้ลูกชายหนีหายออกจากบ้าน เพื่อผู้เป็นแม่จะได้มีเวลาออกไปหางานทำนอกบ้าน มีรายได้มาเป็นค่าเลี้ยงดูครอบครัว พร้อมหวั่นว่าหากตัวเองเสียชีวิตลงในอนาคตอันใกล้ ลูกชายจะไม่มีที่พักพิง เนื่องจากไม่มีญาติพี่น้องที่ไหน และอาศัยอยู่กันแค่ 2 คนแม่ลูกเท่านั้น ซึ่งล่าสุด น.ส.วาสนา ยอมรับว่า ได้รับบัตรสวัสดิการแห่งรัฐแล้ว และลูกชายก็มีบัตรคนพิการแล้ว แต่ก็ยังร้องขอให้มีหน่วยงานรับลูกชายไปดูแลอย่างถาวร และไม่ต้องการสิ่งใดตอบแทน
ด้าน นายธนทัต ชูแสง รองนายกเทศมนตรี ต.ทุ่งกระบือ อ.ย่านตาขาว จ.ตรัง ยืนยันว่า เทศบาล ต.ทุ่งกระบือ และผู้นำชุมชนได้พยายามดูแลครอบครัว น.ส.วาสนา อย่างเต็มที่แล้วตามสวัสดิการของภาครัฐ และไม่เคยทอดทิ้งชาวบ้านตามที่เป็นข่าวก่อนหน้านี้ โดยในส่วนของผู้พิการก็ได้รับเงินสวัสดิการเดือนละ 800 บาทครบทุกเดือน และยังได้รับเงินตามสวัสดิการของผู้ยากไร้ด้วย รวมในหนึ่งเดือนจะได้รับประมาณ 1,300 บาท ในส่วนของกิจกรรมต่างๆ ทางเทศบาล และผู้นำชุมชนก็จะมาตรวจเยี่ยมตามโอกาสและเวลา โดยไม่ได้ทอดทิ้งแต่อย่างใด
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบ
