ผู้ตรวจการแผ่นดินลุยตาม “มทร.ตรัง” สร้างอาคารรุกป่า เร่งรัดเอาผิดผู้เกี่ยวข้อง


ตัวแทนผู้ตรวจการแผ่นดิน ลงพื้นที่ติดตามความคืบหน้ากรณี “มทร.ศรีวิชัย” วิทยาเขตตรัง สร้างอาคารรุกพื้นที่ป่าชายเลน และการดำเนินการเอาผิดผู้เกี่ยวข้อง คาดอีกประมาณ 6 เดือน คงจะมีคำวินิจฉัยออกมา
วันนี้ (13 ม.ค.) ร.ต.ต.พงศกร มีพันธุ์ เจ้าหน้าที่สอบสวนผู้ชำนาญการ สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน ได้เดินทางมายังมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย (มทร.) วิทยาเขตตรัง เพื่อเรียกประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งผู้บริหาร มทร.ศรีวิชัย วิทยาเขตตรัง เพื่อรับทราบความคืบหน้าเกี่ยวกับการดำเนินการเอาผิดผู้ที่เกี่ยวข้องกับการก่อสร้างกลุ่มอาคารปฏิบัติการโรงแรม และการท่องเที่ยว มทร.ศรีวิชัย วิทยาเขตตรัง ซึ่งได้บุกรุกป่าสงวนแห่งชาติ “ป่าคลองกะลาแส-ป่าคลองไม้ตาย” หมู่ 3 ต.ไม้ฝาด อ.สิเกา จ.ตรัว และเข้าข่ายกระทำความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ การกระทำความผิดเกี่ยวกับกฎหมายสิ่งแวดล้อม เนื้อที่กว่า 21 ไร่ และกระทำความผิดในฐานะเจ้าหน้าที่รัฐ จงใจไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย สร้างความเสียหายต่องบประมาณแผ่นดิน ต้องรับผิดทางละเมิด

อย่างไรก็ตาม คดีดังกล่าวใกล้จะหมดอายุความแล้ว แต่ทาง มทร.ศรีวิชัย วิทยาเขตตรัง ยังไม่ได้ดำเนินการใช้มาตรการทางปกครอง บังคับคดีให้ นายประชีพ ชูพันธ์ อดีตอธิการบดี มทร. ชดใช้ค่าเสียหายกลับคืนให้แก่ทางมหาวิทยาลัย เป็นเงินจำนวนกว่า 66 ล้านบาท และค่าเสียหายที่ทาง มทร.ต้องจ่ายให้แก่ผู้รับจ้าง จำนวน 12 งวด เป็นเงินกว่า 64 ล้านบาท โดยทางผู้ร้องได้ยื่นเรื่องร้องต่อสำนักงานผู้ตรวจเงินแผ่นดินมานานกว่า 2 ปีแล้ว และล่าสุด ผู้ร้องได้ยื่นเอกสารร้องเรียนเพิ่มเติมกับตัวแทนผู้ตรวจการแผ่นดินอีก 8 กรณี เช่น กรณีให้ชดใช้เงินกรณีบุกรุกทำลายทรัพยากร เนื้อที่ 21 ไร่เศษ เป็นเงินกว่า 2 ล้านบาท กรณีคดีฮั้วประมูลการก่อสร้างกลุ่มอาคารดังกล่าว กรณีให้เร่งรัดรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกจากพื้นที่บุกรุก กรณีพบการบุกรุกเนื้อที่เพิ่มกว่า 402 ไร่ และกรณีขอความเป็นธรรมกรณีถูกข่มขู่คุกคาม เป็นต้น
จากนั้นตัวแทนผู้ตรวจการแผ่นดิน ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบสภาพของกลุ่มอาคารปฏิบัติการโรงแรม และท่องเที่ยว มทร.ศรีวิชัย วิทยาเขตตรัง ซึ่งทั้งหมดประกอบด้วย หลังเดี่ยว 10 หลัง และหลังคู่อีก 4 หลัง ทั้งนี้ พบว่าสภาพทั่วไปรอบตัวอาคารแต่ละหลังมีหญ้าขึ้นปกคลุมโดยรอบ และบนหลังคา รวมทั้งยังเกิดการชำรุดทรุดโทรม และแตกหักในหลายส่วนแล้ว


ร.ต.ต.พงศกร มีพันธุ์ เจ้าหน้าที่สอบสวนผู้ชำนาญการ สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน กล่าวว่า หลังจากนี้จะทำหนังสือสอบถามไปยังสำนักงบประมาณ กรมบัญชีกลาง และกระทรวงการคลัง เกี่ยวกับการดำเนินการต่อเจ้าหน้าที่รัฐกระทำการละเมิด และเข้าข่ายการใช้งบประมาณว่าผิดวัตถุประสงค์หรือไม่ ซึ่งจะนำผลการลงพื้นที่ในครั้งนี้รายงานผู้บังคับบัญชาต่อไป คาดว่าอีกประมาณ 6 เดือน คงจะมีคำวินิจฉัยออกมา เพราะเรื่องนี้ผ่านมานานมากแล้ว ส่วนคดีฮั้วประมูลขณะนี้ทราบว่ากรมสอบสวนคดีพิเศษ อยู่ระหว่างการสืบสวนสอบสวนข้อเท็จจริง ขณะที่ ป.ป.ช.ก็รับเรื่องไว้แล้วเช่นกัน ส่วนกรณีจะเอาอาคารที่ก่อสร้างทิ้งร้างดังกล่าวมาใช้ให้เกิดประโยชน์นั้น แต่เนื่องจากตั้งอยู่ในพื้นที่ป่าชายเลน จึงต้องขึ้นอยู่กับอำนาจตัดสินใจของ ครม.ต่อไป






ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก ผู้จัดการออนไลน์

แสดงความคิดเห็น

ใหม่กว่า เก่ากว่า