ชาวนาโยงเหนือเร่งมือทำขนมเดือนสิบ หลังมีออเดอร์จนส่งขายแทบไม่ทัน


ชาวบ้าน ต.นาโยงเหนือ อ.นาโยง จ.ตรัง แหล่งผลิตขนมเดือนสิบที่ใหญ่สุดใน จ.ตรัง ต่างเร่งมือทำเพื่อส่งให้พ่อค้าแม่ค้าจากต่างอำเภอและในจังหวัดใกล้เคียง ขณะที่ราคาขายยังคงเดิมแม้ต้นทุนปีนี้จะสูงขึ้น

วันนี้ (28 ส.ค.) ทั้งสองฝั่งของถนนสายสารทเดือนสิบ หรือถนนเทศบาล 10 เขตเทศบาลตำบลนาโยงเหนือ อ.นาโยง จ.ตรัง แหล่งผลิตขนมเดือนสิบที่ใหญ่สุดในจังหวัดตรัง ได้เรียงรายไปด้วยพ่อค้าแม่ค้านับ 10 ราย ที่ยกกระทะและอุปกรณ์มาตั้งแผงทำและจำหน่ายขนมท้องถิ่นที่ใช้ในงานบุญสารทเดือนสิบของชาวใต้ ได้แก่ ขนมพอง ขนมลา ขนมบ้า และขนมดีซำ หรือขนมรู โดยพ่อค้าแม่ค้าจะปักหลักทำและขายขนมดังกล่าวตั้งแต่ก่อนช่วงเทศกาลวันสารทเดือนสิบ จนสิ้นสุดเทศกาลรวมเป็นเวลาประมาณ 2 เดือน

โดยบางรายจะยอมลงทุนเช่าบ้านที่เจ้าของไม่ได้อยู่อาศัย เพื่อยึดเป็นทำเลทองในการทำขนมขายทุกปี หรือบางรายจะทำขนมขายรวมกันทั้งครอบครัว พี่น้อง และทำเป็นงานหลักทุกวันตลอดช่วงนี้ ขณะที่บางรายจะออกมาทำขนมหลังจากเสร็จจากการกรีดยางพารา ทำให้แต่ละปีมีรายได้จากการขายขนมดังกล่าวประมาณรายละ 20,000-50,000 บาท

ทั้งนี้ ขนมเดือนสิบที่ทำจากที่นี่จะส่งขายไปทุกอำเภอในจังหวัดตรัง รวมทั้งจังหวัดใกล้เคียง เช่น นครศรีธรรมราช กระบี่ ภูเก็ต โดยลูกค้าส่วนใหญ่เป็นเจ้าประจำที่สั่งซื้อทุกปีรายละ 200-1,000 ชิ้น ทำให้พ่อค้าแม่ค้าต้องเร่งมือทำเพราะจะมีลูกค้ามารับไปขายต่อ ทั้งในช่วงวันทำบุญเล็ก หรือวันรับตายาย และโดยเฉพาะอย่างยิ่งหากใกล้ถึงวันทำบุญใหญ่ หรือวันสารทเดือนสิบ แต่ละรายจะต้องเร่งทำขนมไปจนถึงกลางดึกเพื่อให้ทันส่งขายและเพียงพอต่อความต้องการของลูกค้า โดยขณะนี้ลูกค้าที่สั่งซื้อเริ่มเดินทางมารับสินค้าแล้ว ทำให้เจ้าของต้องเร่งบรรจุขนมลงแข่งเพื่อจัดส่งไปให้


นางพัตรา นวลทอง อายุ 50 ปี แม่ค้าขนมเดือนสิบ กล่าวว่า ชาวบ้านจะเริ่มทำขนมกันตลอดประมาณ 2 เดือน แต่ละคนก็จะทำตามกำลังความสามารถวันละ 8-10 กิโลกรัมต่อวัน ซึ่งขายหมดจนทำแทบไม่ทัน ทั้งทำตามออเดอร์ที่ลูกค้าสั่งซื้อและทำขายหน้าร้าน ซึ่งราคาขายปีนี้ก็ไม่มีการปรับขึ้น โดยขายปลีก ขนมลา แผ่นเล็ก ราคา 5 บาท แผ่นใหญ่ 6 บาท ขนมพอง ขนาดเล็ก ราคา 7 บาท ขนาดใหญ่ ราคา 8 บาท ขนมดีซำ หรือขนมรู และขนมบ้า ราคากล่องละ 10 บาท ส่วนขนมที่จัดเป็นชุด ประกอบด้วย ขนมพอง ขนมลา ชุดเล็ก ราคา 20-30 บาท แต่หากเป็นชุดใหญ่ จะมีราคา 25-35 บาท

ด้าน นางสายพิณ คงนคร อายุ 59 ปี แม่ค้าขนมเดือนสิบอีกราย กล่าวว่า ปีนี้วัตถุดิบหลักในการทำขนมพองคือ ข้าวเหนียว มีการปรับลดปริมาณและราคาสูงขึ้น จากกระสอบน้ำหนัก 48 กิโลกรัม ราคา 1,300 บาท เป็นกระสอบน้ำหนัก 40 กิโลกรัม ราคา 1,550 บาท ซึ่งยอมรับว่าทำให้ต้นทุนสูงขึ้น แต่พวกตนก็ยังขายราคาเดิม เนื่องจากประเทศไทยเพิ่งพ้นวิกฤตโควิด-19 ทำให้ประชาชนใช้จ่ายอย่างประหยัด ส่งผลให้ปีนี้ได้กำไรน้อยลง แต่อย่างไรก็ตาม ทุกปีชาวบ้านก็จะมีรายได้จากการทำขนมเดือนสิบ รายละ 20,000-50,000 บาท ส่วนตนเองในช่วงเช้ามีภาระต้องไปกรีดยาง เลี้ยงวัว ดูแลคนป่วยติดเตียง และทำกับข้าว จึงต้องเอาเวลาว่างในช่วงบ่ายมาทำขนม จึงมีรายได้จากการทำขนมเดือนสิบปีละประมาณ 20,000 บาท เพื่อเก็บไว้เป็นค่าใช้จ่ายในครอบครัว

สำหรับเทศกาลสารทเดือนสิบ ประจำปี 2563 จะเริ่มต้นในวันแรม 1 ค่ำ เดือน 10 เรียกว่า วันรับตายาย หรือวันทำบุญเล็ก โดยในปีนี้ตรงกับวันที่ 3 กันยายน ส่วนวันส่งตายาย หรือวันทำบุญใหญ่ จะตรงกับวันแรม 15 ค่ำ เดือน 10 โดยในปีนี้ตรงกับวันที่ 17 กันยายน

 




 

 

 

 

 

 

ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก ผู้จัดการออนไลน์

แสดงความคิดเห็น

ใหม่กว่า เก่ากว่า