เมื่อเวลา 09.00 น.วันที่ 29 มิ.ย. ร.ต.ท.ฐิติกร ปานทับทิมทอง รอง สว.(สอบสวน) สภ.อ่าวนาง อ.เมืองกระบี่ และ เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน ตรวจสอบเหตุชายคลั่งก่อเหตุใช้อาวุธปืนยิงภายในโรงแรมแห่งหนึ่ง ในพื้นที่หมู่ 2 ต.อ่าวนาง อ.เมืองกระบี่ ซึ่งเป็นโรงแรมสำหรับใช้กักตัวผู้ที่เป็นกลุ่มเสี่ยงสัมผัสผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 ในพื้นที่ จ.กระบี่ โดยผู้ต้องหาพาตัวภรรยาและลูกชาย ซึ่งเป็นผู้ถูกกักตัว ออกไปจากโรงแรม ด้วย
ไปถึงโรงแรม ได้นำจนท.ไปตรวจสอบจุดเกิดเหตุ ของโรงแรมพบกระจกแตกเป็นรู 1 รู บริเวณล๊อบบี้ชั้น 1 ใกล้กับลิฟต์ โดยตำรวจกันพื้นที่ไว้ รอประสานชุดพิสูจน์หลักฐาน ภ.จ.กระบี่ เข้าตรวจสอบอีกครั้ง เบื้องต้นจาการสอบถามรปภ.ของโรงแรม ซึ่งเป็นผู้ประสบเหตุ เล่าว่า ช่วงเวลาประมาณ 07.00 น. มีชายคนหนึ่งอายุประมาณ 45 ปี ขับรถยนต์โตโยต้าฟอร์จูนเนอร์ สีขาว ทะเบียน กธ 8358 กระบี่ เข้ามาจอดภายในโรงแรม ก่อนจะถือทุเรียนเข้ามา บอกว่า จะเอามาเยี่ยมภรรยาที่ถูกกักตัวอยู่กับลูกชาย แต่พนักงานของโรงแรม ไม่อนุญาตให้นำเข้าไปได้ เพราะเป็นพื้นที่กักตัว และระเบียบโรงแรมห้ามนำทุเรียนเข้าไปภายใน ชายคนดังกล่าวเดินกระวนกระวายอยู่นานประมาณ 10-15 นาที ก่อนจะไปที่รถแล้วเดินกลับเข้ามาอีกครั้ง ตรงไปที่ลิฟต์เพื่อจะขึ้นไปห้องพักของโรงแรม
รปภ.เล่าต่อว่า ตนได้เข้าไปห้าม ไม่ให้ขึ้นไปบนโรงแรม เพราะเป็นระเบียบของสาธารณสุข ห้ามคนนอกเข้าไปในสถานที่กักตัวกลุ่มเสี่ยงชายคนดังกล่าวก็ไม่พูดอะไร แต่ชักปืนพกสั้นออกมาจากกางเกงก่อนจะยิง 1 นัด ตนเห็นดังนั้นก็ไม่กล้าเข้าใกล้
ต้องปล่อยให้ขึ้นลิฟต์ไป ก่อนที่ชายคนดังกล่าว จะพาตัวภรรยาสาว พร้อมกับลูกชายลงมา และพาขึ้นรถขับออกไปจากโรงแรม
สำหรับโรงแรมเกิดเหตุ เป็นสถานที่สำหรับกักตัวผู้ที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยง สัมผัสผู้ป่วยติดเชื้อใน จ.กระบี่ โดยภรรยาและลายของผู้ก่อเหตุ เป็นกลุ่มที่เพิ่งถูกส่งมากักตัวมา เมื่อประมาณ 3 วันที่ผ่านมา เนื่องจากเป็นกลุ่มเสี่ยงสัมผัสผู้ติดเชื้อจากคลัสเตอร์งานศพใน วัดคลองท่อมอ.คลองท่อม ส่วนชายที่ผู้ก่อเหตุ ทราบชื่อคือ นายสมยศ คงศิริ อายุ 37ปี อาชีพพ่อค้าเขียงหมู เป็นชาว อ.ลำทับ จ.กระบี่ ทราบว่า หลังก่อเหตุได้พาภรรยาและลูกชาย กลับไปส่งที่บ้านก่แอนหลบหนีไป
ต่อมาเวลา เมื่อ14.00 น. พ.ต.อ.เสกสรร แก้วสว่าง ผกก.สภ.ลำทับ เจ้าหน้าที่กก.สส.ภ.จว.กระบี่ และ จนท.ชุดสืบสวน สภ.ลำทับเข้าตรวจสอบที่ฟาร์มเลี้ยงหมูชื่อขุนศิริ ฟาร์ม เลขที่ 337 หมู่ 5 ต.ทุ่งไทรทอง ซึ่งเป็นของนายละมัย คงศิริ อายุ 61 ปี พ่อของนายสมยศ ผู้ก่อเหตุโดยหลังได้รับการประสานจาก จนท.ตำรวจสภ.อ่าวนาง ว่า นายสมยศ พาภรรยา และลูกชายวัย 9 ขวบ กลับมาที่บ้านของนายละมัย และให้ภรรยาและลูกลงจากรถไปอยู่ที่บ้านนายละมัย ก่อนจะขับรถคันดังกล่าวออกไป นายละมัย จะประสานให้ จนท.สาธารณสุข อ.ลำทับ มารับตัวภรรยา และ ลูกชาย นายสมยศ เพื่อพาตัวกลับไปกักตัวที่สถานที่กักตัว ตามมาตรการของสาธารณสุขอีกครั้ง
ต่อมาเวลา 14.00 น. พ.ต.อ.เสกสรร รับแจ้งจากคนงานในฟาร์มไก่ หมู่ 4 ห่างจากบ้านพ่อผู้ก่อเหตุประมาณ 1 กม.ว่ามีคนถูกยิงได้รับบาดเจ็บ 1 คน โดยผู้ก่อเหตุคือนายสมยศจึงนำกำลังเข้าไปตรวจสอบ พบคนเจ็บทราบชื่อ คือนายถนอม รักสีทอง อายุ 45 ปี คนงานในฟาร์ม ถูกยิงด้วยอาวุธปืน 1 นัด กระสุนเข้าทางขาขวา ทะลุขาซ้าย จึงรีบพาตัวส่ง รพ.ลำทับ ส่วนนายสมยศ คนก่อเหตุ ทราบว่าหนีไปอยู่ที่ฟาร์มไก่อีกแห่งอยู่ไม่ไกลกัน จึงประสานไปยังนายนพรัตน์ ศรีพรหม นอภ.ลำทับ ขอกำลัง จนท.ฝ่ายปกครอง มาสมทบ เพื่อไปปิดล้อมจับกุมตัว เนื่องจากผู้ก่อเหตุมีอาวุธปืน จนตำรวจไปพบตัวนายสมยศ กำลังนั่งกินข้าวอยู่ภายในบ้านพักภายในฟาร์มเลี้ยงไก่ จึงเข้ารวบตัวไว้ได้ โดยระหว่างตำรวจเข้าล็อคตัว นายสมยศ พยายามจะชักอาวุธปืนที่เอวออกมา แต่ตำรวจรวบตัวไว้ได้ก่อน
ตรวจสอบที่ตัวพบปืนลูกโม่ขนาด .38 มม. คาดว่าเป็นอาวุธปืนใช้ก่อเหตุ 1 กระบอก ภายในมีกระสุนปืน 5 นัด ปลอกที่เพิ่งถูกยิงไป 1 ปลอก นอกจากนี้ในกระเป๋าสะพาย ยังพบปืนขนาด 11 มม.อีก 1 กระบอก กระสุนในแม็กกาซีน 6 นัด ส่วนรถฟอร์จูนเนอร์ทะเบียน กธ 8358 กระบี่ ที่ผู้ต้องหาขับไปก่อเหตุ ตรวจสอบพบจอดอยู่ในสวนปาล์มห่างจากจุดจับกุมประมาณ 500 เมตร ตรวจในรถพบปืนลูกโม่ขนาด .38 อีก 1 กระบอก จึงตรวจยึดไว้เป็นหลักฐาน และคุมตัวผู้ต้องหาไปswab ตรวจหาเชื้อโควิด-19 ที่ รพ.ลำทับ ก่อนนำตัวส่งพนักงานสอบสวน เบื้องต้นผู้ต้องหายังไม่ยอมให้การใด ๆ เพราะยังมีอาการคล้ายคนเมาผู้ต้องหาพูดเพียงสั้น ๆ ว่า "เพราะเค้าพาเมียผมไปขังไว้"
ด้านนายถนอม คนที่ถูกยิงได้รับบาดเจ็บ เล่านาทีถูกยิงว่า ตอนที่ตนกำลังทำงานเดินสายไฟอยู่ในฟาร์มไก่ ระหว่างนั้นนายสมยศ ขับรถเข้ามาในฟาร์ม โดยมีอาการไม่พูดไม่จา ทำหน้าตาขึงขัง ตาขวาง เหมือนคนอาการหลอนยา พยายามจะพูดทักทายเหมือนปกติ แต่เห็นท่าไม่ดีเพราะนายสมยศ ไม่ยอมพูด และทำท่าจะชักปืน ตนจึงพยายามวิ่งหนีทันที ก่อนได้ยินเสียงปืนดัง 1 นัดแต่ตอนนั้นตนยังไม่มีอาการเจ็บมานัก จึงวิ่งหนีออกมาได้