ศาลสั่งจำคุก 1 ปี 15 วัน ไม่รอลงอาญา ตร.คฝ.ซิ่งบิ๊กไบค์ชนหมอกระต่ายดับ


ศาลอาญาพิพากษา ตร.คฝ.ซิ่งบิ๊กไบค์ชนหมอกระต่ายเสียชีวิตขณะข้ามทางม้าลาย มีความผิดตามฟ้อง 9 ข้อหา ลงโทษจำคุก 2 ปี 30 วัน ไม่รอลงอาญา และปรับ 8,000 บาท จำเลยรับสารภาพ ลดโทษกึ่งหนึ่ง เหลือจำคุก 1 ปี 15 วัน ไม่รอลงอาญา ปรับ 4,000 บาท ล่าสุดศาลให้ประกันวงเงิน 2 แสนบาท

เมื่อเวลา 09.00 น. วันนี้(25 เม.ย.) ที่ห้องพิจารณา 907 ศาลอาญานัดอ่านคำพิพากษา คดีหมายเลขดำ อ. 399/2565 ที่ พนักอัยการคดีอาญา 3 เป็นโจทก์ฟ้อง ส.ต.ต.นรวิชญ์ บัวดก อายุ 21 ปี ผบ.หมู่ กองร้อยที่ 2 กองกำกับการ 1 กองบังคับการอารักขาและควบคุมฝูงชน (กก.1 บก.อคฝ.) เป็นจำเลยในความผิด ฐานขับรถโดยประมาทหรือน่าหวาดเสียว อันอาจเกิดอันตรายต่อบุคคลหรือทรัพย์สิน และกระทำการโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย และข้อหาอื่นๆรวม 9 ข้อหา

กรณีที่เมื่อวันที่ 21 ม.ค. 2565 เวลากลางวัน ส.ต.ต.นรวิชญ์ จำเลย ขี่จยย.บิ๊กไบค์ ยี่ห้อดูคาติ รุ่นมอนสเตอร์ทะเบียน 1 กผ 9942 เชียงราย ชน พญ.วราลัคน์ สุภวัตรจริยากุล หรือ หมอกระต่าย จักษุแพทย์ จักษุแพทย์ รพ.ราชวิถี ขณะกำลังเดินข้ามทางม้าลาย บริเวณหน้า รพ.สถาบันไตภูมิราชนครินทร์ ถนนพญาไท แขวง-เขตราชเทวี กรุงเทพฯ ซึ่งเป็นเขตชุมชนด้วยความเร็ว 108-128 กม.ซึ่งเกินกว่ากฎหมายกำหนดที่ 80 กม.ต่อชั่วโมง จน พญ.วราลัคน์ ถึงแก่ความตาย

 ส.ต.ต.นรวิชญ์ บัวดก อายุ 21 ปี (แฟ้มภาพ)
ส.ต.ต.นรวิชญ์ บัวดก อายุ 21 ปี (แฟ้มภาพ)


ต่อมาวันที่ 22 ก.พ.2565 พนักงานอัยการ โจทก์ได้นำตัว ส.ต.ต.นรวิชญ์ ยื่นฟ้องเป็นจำเลยต่อศาลอาญา รวม 9 ข้อหาได้แก่

1. นำรถที่มิได้ติดแผ่นป้ายทะเบียนมาใช้ในทางเดินรถ
2. ฝ่าฝืนใช้รถที่ไม่ได้เสียภาษีประจำปี
3. ใช้รถที่ไม่ได้จัดให้มีการประกันความเสียหายสำหรับผู้ประสบภัย
4.นำรถไม่สมบูรณ์มาขับและไม่ติดกระจกมองข้าง
5. ขับรถไม่ชิดขอบทางด้านซ้าย
6.ขับรถจักรยานยนต์เร็วเกินกว่ากฎหมายกำหนด
7. ขับรถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยหรือความเดือดร้อนของผู้อื่น
8. ขับรถโดยไม่ปฏิบัติตามเครื่องหมายบนพื้นทาง
9. ขับรถโดยประมาทหรือน่าหวาดเสียว อันอาจเกิดอันตรายต่อบุคคลหรือทรัพย์สิน และกระทำการโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย

ท้ายคำฟ้องพนักงานอัยการ ยังขอให้ศาลมีคำสั่งริบรถจักรยานยนต์ที่ พนักงานสอบสวนยึดไว้เป็นของกลาง และมีคำขอให้ศาลเพิกถอน หรือพักใช้ใบอนุญาตขับขี่ของผู้ต้องหาด้วย โดยการริบหรือพักใช้ใบอนุญาตขับขี่ขึ้นอยู่กับดุลย์พินิจของศาลว่าจะให้พักใช้เป็นระยะเวลากี่ปี ส.ต.ต.นรวิชญ์ แถลงให้การรับสารภาพ ไม่ต่อสู้คดี ศาลจึงมีคำสั่งให้พนักงานคุมประพฤติ สืบเสาะ และพินิจ ประวัติการศึกษา สถานะทางครอบครัว และอื่นๆ ของส.ต.ต.นรวิชญ์ แล้วรายงานให้ศาลทราบ เพื่อใช้ประกอบกา พิจารณาพิพากษา ทั้งนี้ ส.ต.ต.นรวิชญ์ จำเลย ได้รับการปล่อยชั่วคราว ระหว่างพิจารณา โดยศาลตีราคาประกัน 50,000 บาท

โดยวันนี้ ส.ต.ต.นรวิชญ์ จำเลยเดินทางมาศาล ขณะที่ทนายความบิดาผู้ตายมาฟังคำพิพากษาด้วย

ศาลพิพากษาว่า การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป ลงโทษจำคุก 2 ปี 30 วัน ปรับ 8,000 บาท จำเลยให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กระทงละกึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ความผิดฐานนำรถที่มิได้ติดแผ่นป้ายเลขทะเบียนมาใช้ในทางเดินรถ ปรับ 1,000 บาท ฐานใช้รถที่มิได้เสียภาษีประจำปี ปรับ 1,000 บาท ฐานใช้รถที่ไม่ได้จัดให้ มีการประกันความเสียหาย ปรับ 1,000 บาท ฐานใช้รถโดยมีส่วนควบหรือเครื่องอุปกรณ์ สำหรับรถไม่ครบถ้วน ปรับ 1,000 บาท ฐานขับรถเร็วเกินกว่าที่กฎหมายกำหนดโดยไม่ คำนึงถึงความปลอดภัยและความเดือดร้อนของผู้อื่น จำคุก 15 วัน ฐานขับรถเร็วเกินกว่าที่กฎหมายกำหนดโดยประมาทหรือน่าหวาดเสียวอันอาจเกิดอันตรายแก่บุคคลหรือ ทรัพย์สินโดยไม่ปฏิบัติตามเครื่องหมายบนพื้นทางเป็นเหตุให้เฉี่ยวชนผู้อื่นถึงแก่ความตาย จำคุก 1 ปี รวมโทษแล้วจำคุก 1 ปี 15 วัน และปรับ 4,000 บาท

ทั้งนี้ศาลอาญาได้พิเคราะห์รายงานการ สืบเสาะและพินิจของจำเลยแล้วเห็นว่า จำเลยขับรถจักรยานยนต์ด้วยความเร็วสูงมาก ประมาณช่วงระหว่างความเร็ว 108-128 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ซึ่งเป็นความเร็วเกินกว่า ที่กฎหมายกำหนดและที่วิญญูชนทั่วไปคาดคิด ทั้งยังขับแซงรถคันอื่นใกล้กับบริเวณที่มี เครื่องหมายจราจรทางข้าม (ทางม้าลาย) ในบริเวณที่อยู่ใกล้กับสถานพยาบาลและสถานที่ ราชการ ซึ่งเป็นเขตเมืองและเป็นเขตชุมชนที่มีประชาชนจำนวนมากไปรับบริการและใช้ทางดังกล่าวเป็นปกติตลอดทั้งวัน อันเป็นการเพิกเฉยต่อความปลอดภัยของผู้ใช้รถและผู้สัญจรอื่นๆ บนท้องถนน ประกอบกับจำเลยขับรถที่ยังไม่ได้เสียภาษีประจำปี ทำให้รัฐต้องสูญเสียรายได้และไม่ได้จัดให้มีการประกันความเสียหายกับผู้ประสบภัยจากรถ แม้จำเลยจะพยายามบรรเทาผลร้ายแล้ว แต่พฤติการณ์แห่งการกระทำความผิดของจำเลยดังกล่าว ถือว่าเป็นร้ายแรง จึงไม่มีเหตุให้รอการลงโทษจำเลย หากจำเลยไม่ชำระค่าปรับ จัดการตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29,30 สำหรับรถจักรยานยนต์ของกลางเป็นทรัพย์สินที่ จำเลยได้ใช้ในการกระทำความผิด จึงให้ริบตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33(1) และหากจำเลยขับรถต่อไปอาจก่อให้เกิดอันตรายแก่บุคคลหรือทรัพย์สินของผู้อื่น จึงให้ เพิกถอนใบอนุญาตขับรถจักรยานยนต์  ตามพ.ร.บ.จราจรทางบกฯ มาตรา 162 วรรคหนึ่ง

ทนายความพ่อหมอกระต่ายมาฟังคำพิพากษา
ทนายความพ่อหมอกระต่ายมาฟังคำพิพากษา


ภายหลังฟังคำพิพากษา นายณัฐพล ชิณะวงศ์ ทนายความบิดาหมอกระต่าย เปิดเผยว่า ตนได้แจ้งคำพิพากษากับพ่อและแม่ของหมอกระต่ายแล้ว แต่ยังไม่ได้คุยในรายละเอียดว่ารู้สึกอย่างไร ซึ่งหากจำเลยยื่นอุทธรณ์ก็พร้อมต่อสู้คดี โดยจะต้องหารือกับครอบครัวของ หมอกระต่ายอีกครั้ง และจะต้องเอาผลของคำพิพากษาของอาญาไปยื่นต่อศาลแพ่งด้วย เพราะคดีเเพ่งยังอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลแพ่ง โดยเรียกเงินค่าเสียหายจาก ส.ต.ต.นรวิชญ์,สำนักงานตำรวจแห่งชาติ 72 ล้านบาท และกรุงเทพมหานคร 72 ล้านบาท รวมเป็นเงิน 144 ล้านบาท ซึ่งจำเลยทั้งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และ ส.ต.ต.นรวิชญ์ ได้ขอขยายเวลาการยื่นคำให้การ ศาลเเพ่งจึงนัดพร้อมคดีในวันที่ 8 ส.ค.นี้

ด้านนายสนทยา น้อยเจริญ ทนายความส.ต.ต.นรวิชญ์ กล่าวว่า ศาลลงโทษจำคุก 2 ปี 30 วัน แต่รับสารภาพลดโทษกึ่งหนึ่ง เหลือ 1 ปี 15 วัน ศาลเห็นว่าเหตุขับรถเร็วกับเรื่องไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียนรุนแรง จึงไม่รอการลงโทษ นอกจากนี้ก็มีประเด็นถูกเพิกถอนใบอนุญาตขับขี่รถจักรยานยนต์และรถยนต์ส่วนบุคคล ซึ่งตามกฎหมายมีกำหนดไว้แล้ว น่าจะเพิกถอนเป็นระยะเวลาประมาณ 5 ปี ขณะนี้อยู่ระหว่างยื่นขอประกันตัวระหว่างอุทธรณ์ต่อไป โดยพ่อของจำเลยที่เป็นตำรวจได้ใช้ตำแหน่งเป็นหลักทรัพย์ในการประกันตัว ขณะที่ก่อนศาลพิพากษาจำเลยก็ได้มีการบรรเทาผลร้ายแล้ว สำหรับคำพิพากษานั้นศาลก็ได้พิจารณาตามบทลงโทษ โดยเหตุการณ์นี้เป็นการประมาท และหลังจากศาลพิพากษาจำเลยก็รู้สึกเสียใจและยอมรับคำพิพากษา จริงๆก็รับสารภาพมาตั้งแต่ชั้นพนักงานสอบสวน ชั้นอัยการและชั้นศาล ส่วนคดีแพ่งก็ต้องต่อสู้คดีกันไป ขณะที่ผู้เสียหายมีสิทธิที่จะเรียกร้องอยู่แล้ว แต่คงต้องไปพิจารณากันด้วยเหตุและผล


ภายหลังศาลอาญา มีคำพิพากษาลงโทษจำคุกและปรับจำเลยแล้ว ต่อมา บิดาและผู้บังคับบัญชาของ ส.ต.ต.นรวิชญ์ บัวดก จำเลย ได้ยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราวระหว่างอุทธรณ์ โดยใช้ตำแหน่งราชการเป็นหลักทรัพย์ โดยศาลอาญาพิจารณาแล้วอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวจำเลยระหว่างอุทธรณ์ตีราคาประกัน 200,000 บาท


ด้านนายประยุทธ เพชรคุณ รองอธิบดีอัยการสำนักงานคดีพิเศษ ในฐานะรองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวภายหลังศาลอาญา มีคำพิพากษาลงโทษจำคุก 1 ปี 15 วัน โดยไม่รอลงอาญา ส.ต.ต.นรวิชญ์ บัวดก ตร.คฝ. จำเลยคดีขับรถชน ชน พญ.วราลัคน์ สุภวัตรจริยากุล หรือ หมอกระต่าย เสียชีวิตว่า หลังจากนี้พนักงานอัยการเจ้าของสำนวน จะไปขอคัดคำพิพากษา เพื่อมาพิจารณาอีกครั้งว่าเห็นด้วยกับคำพิพากษาหรือไม่ ถ้าเห็นด้วยก็มีความเห็นไม่อุทธรณ์ ถ้าไม่เห็นด้วยก็เสนอเห็นควรยื่นอุทธรณ์ผ่านอัยการพิเศษฝ่าย ส่งให้อธิบดีอัยการฝ่ายคดีศาลสูง พิจารณาอีกครั้ง เพราะเป็นคดีสำคัญ




ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก ผู้จัดการออนไลน์ 

แสดงความคิดเห็น

ใหม่กว่า เก่ากว่า