ทส.ชี้ไทยมีศักยภาพแหล่งแร่ลิเทียม ไม่รู้ปริมาณชัด สั่งกรมธรณีสำรวจแร่หายากทั่วไทย


 ทส.ชี้ไทยมีศักยภาพแหล่งแร่ลิเทียม ยังไม่รู้ปริมาณแน่ชัด สั่งกรมธรณีทำแผนสำรวจแร่หายากทั่วประเทศ ภาคประชาชน ไม่เชื่อพังงาแหล่งลิเทียมอันดับ 3 ของโลก คาดปล่อยข้อมูลหวังสร้างกระแส

19 ม.ค. 66 – นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีข่าวระบุว่า ไทยสำรวจพบแร่ลิเทียม 14,800,000 ล้านตัน ส่งผลให้ไทยเป็นประเทศที่ค้นพบแร่ดังกล่าวมากที่สุดเป็นอันดับ 3 ของโลกรองจากโบลิเวีย และอาร์เจนตินา ว่า

เรื่องนี้เรามีคณะกรรมการนโยบายบริหารจัดการแร่แห่งชาติ (คนร.) ซึ่งมีกรมทรัพยากรธรณี กระทรวงทรัพยากรฯ และ กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ กระทรวงอุตสาหกรรม เป็นเลขาธิการร่วมในคณะกรรมการชุดดังกล่าว โดยทั้ง 2 กรม ทำงานร่วมกันในการกำหนดเขตพื้นที่การทำเหมืองแร่ ซึ่งการทำกิจการเหมืองแร่ใดๆ จะต้องทำในเขตที่มีการสำรวจเอาไว้แล้วเท่านั้น

นายจตุพร กล่าวว่า อย่างไรก็ตามในกรณีของแร่ลิเทียมนั้น จากการสำรวจเบื้องต้นของกรมทรัพยากรธรณี พบว่าประเทศไทยมีศักยภาพของแร่ลิเทียม แต่ปริมาณนั้นเราไม่สามารถยืนยันได้ว่าเรามีมากเป็นอันดับ 3 ของโลกหรือไม่ ตนได้รับรายงานเบื้องต้นจากกรมทรัพยากรธรณีเกี่ยวกับประเด็นดังกล่าว

โดยมีคำสั่งให้กรมทรัพยากรธรณี ไปจัดทำแผนสำรวจแร่หายากทั่วประเทศทั่วประเทศ โดยอาจจะใช้วิธีการทางธรณีฟิสิกส์ หรือระบบดาวเทียมสำรวจ เพื่อประเมินศักยภาพของแร่หายากในประเทศ โดยกรมทรัพยากรธรณี จะต้องรีบดำเนินการจัดทำโครงการดังกล่าว เพื่อที่ตนจะได้เสนอต่อ รมว.ทรัพยากรฯ พิจารณาต่อไป หากสำรวจแล้วพบว่า เรามีศักยภาพของแหล่งแร่ลิเทียมจริง ก็จะเป็นประโยชน์เชิงพาณิชย์ในการดำเนินกิจกรรม ด้านอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ต่อไป

ขณะที่ นายไมตรี จงไกรจักร นายกสมาคมประชาสังคมพังงาแห่งความสุข กล่าวว่า ตนไม่เชื่อว่าพังงาจะเป็นแหล่งแร่ลิเทียมขนาดใหญ่ คาดว่าข้อมูลดังกล่าวถูกปล่อยออกมาเพื่อสร้างกระแส เนื่องจากทุกคนมองว่า แร่ลิเทียมเป็นแร่ที่มูลค่าสูง และหากพบปริมาณมากขนาดนั้น คนพังงาควรที่จะมีการเสียสละเพื่อให้ทำเหมืองแร่ เพื่อสร้างรายได้ และมูลค่าทางเศรษฐกิจให้กับประเทศ

ในสมัยก่อนพังงาก็เป็นพื้นที่เหมืองแร่ รายได้จากการทำเหมืองแร่ก็ไม่ได้ทำให้คุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ของประชาชนดีขึ้น เพราะรายได้ส่วนใหญ่ตกอยู่เฉพาะคนบางกลุ่มที่มาลงทุนทำเหมืองเท่านั้น โดยเฉพาะชาวต่างชาติ ไม่ได้ตกถึงชาวบ้านและชุมชนอย่างแท้จริง แต่ในขณะนี้ จ.พังงาอยู่รอดมาทุกวิกฤต แม้กระทั่งวิกฤตโควิด-19 ประชาชนก็อยู่รอดมาได้ เพราะมีความเข้มแข็งในภาคการเกษตร ท่องเที่ยว และประมง

นายไมตรี กล่าวอีกว่า นอกจากนี้จังหวัดยังมีแผนการพัฒนาให้พังงาเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวเชิงนิเวศและสุขภาพ ดังนั้นจึงควรชั่งน้ำหนักบนพื้นฐานข้อมูลที่ถูกต้องว่าจังหวัดควรจะพิจารณาไปในทิศทางไหน จะเอาเหมืองแร่หรือการท่องเที่ยว ตอนนี้ชาวบ้านต่างพูดถึงเรื่องนี้เป็นอย่างมาก และทุกคนต่างสงสัยว่าปริมาณแร่ลิเทียมมีมากขนาดนั้นจริงหรือไม่ จึงอยากได้คำตอบที่ชัดเจนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง




ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก ข่าวสด

แสดงความคิดเห็น

ใหม่กว่า เก่ากว่า