คุณป้าชาว ต.ทุ่งกระบือ
อ.ย่านตาขาว จ.ตรัง วอนขอให้ช่วยเหลือ “น้องซีเกมส์” ลูกชายวัย 26 ปี
ซึ่งป่วยเป็นออทิสติก จนต้องขังไว้ในบ้านตลอด 24 ชม. มานานนับ 10 ปีแล้ว
เพราะชอบอาละวาด
ผู้สื่อข่าวได้แจ้งจากชาวบ้านว่า มีหนุ่มออทิสติกถูกผู้เป็นแม่ขังเอาไว้ในบ้านมานานนับ 10 ปีแล้ว จนปัจจุบันบางครั้งมีอาการก้าวร้าว ทำลายข้าวของภายในบ้าน หากไม่พอใจหรือโดนขัดใจ ส่วนผู้เป็นแม่ก็ไม่มีรายได้ ไม่มีเงินสวัสดิการคนจน หรือเงินคนพิการของลูกที่จะประทังดูแลชีวิตครอบครัวนั้น ดังนั้น จึงเดินทางไปยังบ้านเลขที่ 175 หมู่ที่ 2 ต.ทุ่งกระบือ อ.ย่านตาขาว จ.ตรัง ซึ่งเป็นบ้านของ นางวาสนา จุฑาพิรักษ์ อายุ 58 ปี และนายธีรภัทร จุฑาพิรักษ์ หรือน้องซีเกมส์ อายุ 26 ปี ลูกชาย โดยพบว่าประตูหน้าบ้านซึ่งเป็นกรงเหล็ก ถูกปิดใส่กุญแจตลอดเวลา แต่วันนี้เมื่อมีเพื่อนบ้าน และผู้สื่อข่าวเข้าไปเยี่ยม ทำให้ทั้งสองแม่ลูกดูตื่นเต้น และมีความสุขเป็นพิเศษ ซึ่งตลอดเวลาที่น้องซีเกมส์ได้นั่งพูดคุย ยังคงอุ้มแมวตัวหนึ่งไว้ตลอดไม่ยอมห่าง แต่สามารถรับรู้ เข้าใจ และพูดคุยโต้ตอบได้บ้าง
นางวาสนา ผู้เป็นแม่ เล่าให้ฟังว่า สามีเสียชีวิตตั้งแต่ลูกชายอายุ 8 ขวบ และเป็นลูกคนเดียวของครอบครัว ก่อนหน้านี้ตนยึดอาชีพเปิดร้านเสริมสวยที่บ้าน แต่มีปัญหาเนื่องจากลูกชายจะไปรบกวนลูกค้า และอาศัยช่วงจังหวะที่ตนทำงานแอบหนีจากบ้าน จึงต้องทิ้งให้ลูกค้ารอเป็นเวลานาน เพราะออกไปตามลูกชาย จำต้องตัดสินใจเลิกทำเสริมสวย จากนั้นตนก็ไม่มีรายได้อะไรอีกเลยที่จะเอามาดูแลครอบครัว จนเพื่อนบ้านได้เอาผ้าถุงมาให้ขายเพื่อเอาเปอร์เซ็นต์ได้เดือนละ 1,000 กว่าบาท แต่โชคดีที่ตนไม่มีหนี้สิน และไม่เคยสร้างหนี้ อีกทั้งจะมีเพื่อนบ้านนำข้าวสารมาให้บ้าง ส่วนเงินสวัสดิการคนจน หรือเงินคนพิการของลูกชาย ตนก็ไม่เคยได้ เพราะผู้นำอ้างว่าลูกของตนปกติดี และตัวลูกชายเองได้เข้าเป็นสมาชิกชมรมออทิสติก แต่ก็ไม่ได้ช่วยเหลืออะไร นอกจากประสานมาให้พาลูกชายเข้าร่วมกิจกรรมเท่านั้น
สำหรับการรักษาทุกวันนี้ ลูกชายจะกินยาของโรงพยาบาลสงขลานครินทร์ (ม.อ.) โดยจะส่งมาให้ที่โรงพยาบาลย่านตาขาว เพื่อสะดวกในการเดินทางไปรับยา ส่วนนิสัยของลูกชายเป็นคนเรียบร้อย รักสะอาด และกิจกรรมส่วนตัวจะทำเองทั้งหมด รวมทั้งงานบ้านงานเรือน แต่ก็ต้องทำใจ เพราะถ้าให้เขาไปซักผ้า มีผงซักฟอกเท่าไหร่ก็จะใส่ทั้งหมด จนต้องเอามาซักใหม่ ขณะที่ทางด้านอารมณ์ ถ้าจะเอาอะไรก็ต้องเอาเดี๋ยวนั้น
ทั้งนี้ นางวาสนา
กล่าวด้วยน้ำตาพร้อมเสียงสะอื้นว่า ตนเองไม่อยากกักบริเวณลูกชาย
และเห็นสภาพลูกชายแล้วตนก็เสียใจมาก แต่ที่ต้องทำเพราะตนต้องทำมาหากิน
และไม่มีใครดูแลลูกชาย โดยได้เริ่มกักบริเวณตั้งแต่อายุ 12-13 ปี
มาจนบัดนี้นับ 10 ปีแล้ว ทำให้ลูกชายเกิดภาวะกดดัน เกิดความก้าวร้าว
ทำลายข้าวของเรื่อยมาจนต้องปิดประตูขังไว้ 24 ชั่วโมง
และทำให้ลูกชายอาละวาดทำลายข้าวของภายในบ้านจนพังเสียหายเกือบทั้งหมด
ขนาดฝ้าเพดานก็ยังถูกลูกชายทุบจนแตกหมด
แต่เพื่อนบ้านได้ช่วยกันนำไม้กระดานมาตีปิดให้จนมิดชิดแล้ว
ซึ่งทุกวันนี้ลูกชายตนเองจะผวา และมีความกลัว บางครั้งอาการกำเริบ
จึงงัดกรงเหล็กหน้าต่างหนีออกจากบ้าน จนต้องออกไปตามหากลับมา
ตนจึงอยากขอความช่วยเหลือจากหน่วยงานให้ทำหนังสือส่งลูกชายเข้ารับการบำบัดรักษา
เพราะตนเองก็มีอายุมากขึ้นเรื่อยๆ ลูกชายก็ก้าวร้าวขึ้นเรื่อยๆ
แถมยังไม่มีญาติพี่น้องอีกด้วย
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบ
