ดีเอสไอบุกตรวจสอบที่ดินบนเกาะกระดาน จ.ตรัง กว่า 100 ไร่ หลังเคยถูกตรวจยึดจับกุม

ดีเอสไอ และอัยการสำนักงานคดีพิเศษ นำหมายค้นตรวจสอบพื้นที่การครอบครองที่ดินบนเกาะกระดาน อ.กันตัง จ.ตรัง จำนวน 10 แปลง รวมกว่า 100 ไร่ ซึ่งเคยถูกชุดพญาเสือตรวจยึดจับกุมเมื่อปี 2559
หลังจากที่เจ้าหน้าที่ชุดพญาเสือ กรมอุทยานฯ และเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม ได้เข้าไปตรวจยึดจับกุม และแจ้งความดำเนินคดีต่อผู้ถือครองที่ดินบนเกาะกระดาน หมู่ที่ 2 ต.เกาะลิบง อ.กันตัง จ.ตรัง รวม 10 แปลง เนื้อที่รวมกว่า 102 ไร่ เมื่อเดือนกรกฎาคม 2559 และต่อมา กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ ได้รับไว้เป็นคดีพิเศษ เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 2561 จากนั้นจึงได้ประสานขอสำนวนการสอบสวนจาก สภ.กันตัง มาเป็นพยานหลักฐานในคดีพิเศษดังกล่าวนั้น
ล่าสุด วันนี้ (27 พ.ค.) เจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ร่วมกับพนักงานอัยการ สำนักงานคดีพิเศษ รวมจำนวน 4 ชุด พร้อมหมายค้นจากศาลจังหวัดตรัง ได้กระจายกำลังเข้าตรวจสอบพื้นที่การครอบครองที่ดินบนเกาะกระดาน ทั้ง 10 แปลงดังกล่าว เพื่อเข้าตรวจสอบสภาพที่เกิดเหตุแยกเป็นรายแปลง พร้อมจัดทำแผนที่ ดูสภาพพื้นที่จริง เพื่อเก็บรวบรวมพยานหลักฐาน ซึ่งมีทั้งพื้นที่ป่า รีสอร์ต ห้องพัก สิ่งปลูกสร้างอื่นๆ และผลอาสิน
โดยเฉพาะแปลงที่ดินที่ครอบครองของ นายณัฐนนท์ หรือนายจักรมนต์ โพธิเมธานนท์ อดีตนายกสมาคมท่องเที่ยวและโรงแรม จ.ตรัง รวมจำนวน 4 แปลง เนื้อที่กว่า 43 ไร่ ซึ่งเป็นห้องพัก รีสอร์ต สิ่งปลูกสร้าง ทั้งที่บริหารเอง แบ่งขาย และแบ่งให้เช่า รวมทั้งยังมีค่ายมือถือยักษ์ใหญ่เช่าติดตั้งเสาสัญญาณโทรศัพท์มือถือด้วย โดยมีเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม นายณัฐนนท์ และทนายความ ให้ความร่วมมือนำตรวจสอบ


ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่พบว่า เจ้าของอยู่ระหว่างการก่อสร้างห้องพักใหม่ในแปลงที่ดินดังกล่าวเพิ่มเติมอีกกว่า 10 ห้อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งมีการก่อสร้างรีสอร์ตคร่อมทับหลักเขตของอุทยานฯ ซึ่งก่อนหน้านี้ ทางผู้ครอบครองได้เป็นโจทก์ฟ้องร้องอุทยานฯ ในข้อหารบกวนการครอบครอง และขอแสดงสิทธิการครอบครองที่ดินเต็มพื้นที่ แต่ศาลชั้นต้นได้พิพากษายกฟ้องเมื่อเดือนสิงหาคม 2561 ที่ผ่านมา ล่าสุด เจ้าหน้าที่จึงได้จับพิกัดจีพีเอส ถ่ายภาพ และเก็บหลักฐานต่างๆ ไว้ทั้งหมดทุกแปลง เพื่อนำไปประกอบสำนวนคดีพิจารณาว่าจะสั่งฟ้องหรือไม่ต่อไป
นายณัฐนนท์ หรือนายจักรมนต์ โพธิเมธานนท์ กล่าวว่า เมื่อเจ้าหน้าที่เข้ามาตรวจสอบก็ยินดีให้ตรวจสอบ ซึ่งพื้นที่ก็เท่าเดิม ไม่มีงอกเพิ่มเติม มาตรวจกี่ครั้งก็เหมือนเดิม แต่ไม่เข้าใจทำไมต้องมาตรวจสอบ โชคดีที่รีสอร์ตยังไม่เปิด ไม่เช่นนั้นจะกระทบนักท่องเที่ยว และการท่องเที่ยวโดยภาพรวม ส่วนพื้นที่ที่ก่อสร้างห้องพักใหม่เพิ่มเติม ตนเองได้ฟ้องร้องอุทยานฯ และศาลตัดสินให้ตนเองชนะ โดยยืนยันสร้างในที่ดิน น.ส.3 ก. ที่ออกก่อนที่จะมีการประกาศเป็นเขตอุทยานฯ


ดังนั้น อุทยานฯ จึงไม่มีสิทธิจะมาบุกรุก หรือแย่งสิทธิจากประชาชนที่ถือสิทธิครอบครองเอกสารสิทธิได้ และคนก็รู้กันทั้งจังหวัดว่าเกาะกระดานทำกันมาประมาณ 30-40 ปีแล้ว รวมทั้งที่มีการก่อสร้างรีสอร์ตคร่อมหลักเขตของอุทยานฯ ก็ยืนยันว่าเป็นที่ดินของตนเอง และมีการขออนุญาตการก่อสร้างถูกต้องตามกฎหมายทุกอย่าง ไม่ใช่ที่ของอุทยานฯ ซึ่งหากอุทยานฯ มาปักหลักเขตผิด ตนก็สามารถฟ้องศาลปกครองให้เพิกถอนหลักเขตออกได้ โดยขณะนี้สร้างไปได้แล้วประมาณ 10 หลัง และจะสร้างเพิ่มให้ได้ประมาณ 30-40 หลัง


อย่างไรก็ตาม เนื่องจากคดีบุกรุกที่ดินบนเกาะกระดาน ทั้ง 10 แปลงดังกล่าว เนื้อที่รวมกว่า 102 ไร่ มีความสลับซับซ้อน กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ จึงรับเป็นคดีพิเศษ โดยแบ่งออกเป็น 2 ส่วนสำคัญ คือ ส่วนที่ดินที่ชาวบ้านยากจนได้รับสิทธิทำกินตามมติ ครม. เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2541 แต่ผลการตรวจสอบภาพถ่ายทางอากาศเมื่อปี 2545-2546 ไม่ปรากฏร่องรอยการทำประโยชน์ เนื้อที่กว่า 90 ไร่ โดยทั้งหมดสภาพป่ายังอุดมสมบูรณ์ มีไม้ขนาดใหญ่หลายคนโอบขึ้นอยู่ทั่วไป กรมอุทยานฯ จึงได้ประกาศเพิกถอนทะเบียนการถือที่ดินดังกล่าวทั้งหมด เมื่อวันที่ 24 กันยายน 2554 และอีกเนื้อที่ประมาณ 10 ไร่ มีการซื้อขายเปลี่ยนแปลงไปอยู่ในมือของนายทุน ขณะนี้กลายเป็นรีสอร์ตหรู เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการตรวจยึดจับกุม เพราะไม่อยู่ในเงื่อนไขมติ ครม.










ขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบ ผู้จัดการออนไลน์

แสดงความคิดเห็น

ใหม่กว่า เก่ากว่า