สัสดี จ.ตรัง เร่งตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีอดีตนายทหารออกมาร้องสื่อว่าเป็นหนี้ธนาคาร 6 แสนบาท ทั้งที่ไม่เคยไปยื่นกู้ เชื่อถูกปลอมแปลงเอกสารหลักฐานต่างๆ เบื้องต้นพบความผิดปกติหลายอย่าง
วันนี้ (29 พ.ค.) จากกรณีที่ ร.ต.ทักษิณ สัมฤทธิ์ อายุ 60 ปี ข้าราชการบำนาญ (อดีตเคยรับราชการทหารสังกัดกองทัพบก) อยู่บ้านเลขที่ 143 ม.5 ต.นาโยงเหนือ อ.นาโยง จ.ตรัง ได้ออกมาร้องเรียนผู้สื่อข่าวว่า ตกเป็นหนี้เงินกู้ธนาคารกรุงเทพ สาขาตรัง จำนวนมากถึง 600,000 บาท มาตั้งแต่วันที่ 3 เมษายน 2562
โดยทางธนาคารส่งเรื่องให้กรมบัญชีกลาง หักหนี้เงินกู้จากเงินบำนาญเดือนละ 3,950 บาท ซึ่งเจ้าตัวยืนยันมีการปลอมแปลงเอกสารหลักฐานเพื่อยื่นกู้ดังกล่าว ทั้งที่ตนเองไม่เคยเข้าไปทำธุรกรรมใดๆ กับธนาคารกรุงเทพมาก่อน และเมื่อเข้าไปสอบถามข้อเท็จจริงจากทางธนาคาร ได้รับคำตอบว่าตนเองเข้ามายื่นเรื่องขอกู้เอง พร้อมกับเจ้าหน้าที่หญิง สำนักงานสัสดีจังหวัดตรัง
ต่อมาเมื่อวันที่ 27 พฤษภาคมที่ผ่านมา ร.ต.ทักษิณ จึงเข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สภ.เมืองตรัง เพื่อเอาผิดกับ นางสาวพชร จันทร์ดำ พนักงานการเงินและบัญชี สำนักงานสัสดีจังหวัดตรัง พร้อมพวกแล้ว เพื่อให้ทางตำรวจสอบสวนหาผู้กระทำผิดที่ปลอมแปลงเอกสาร และดำเนินคดีอาญากับผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด
ความคืบหน้าล่าสุด ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่ธนาคารกรุงเทพ สาขาตรัง เพื่อขอสัมภาษณ์ผู้จัดการถึงเรื่องที่เกิดขึ้น แต่ทางผู้จัดการไม่สามารถให้สัมภาษณ์ได้ โดยระบุว่าต้องเป็นระดับผู้บังคับบัญชาเท่านั้น แต่ในเบื้องต้นได้ตรวจสอบกับเจ้าหน้าที่ธนาคารที่รับทำธุรกรรมในวันนั้นแล้ว ยืนยันว่าทางธนาคารดำเนินการทุกอย่างตามขั้นตอนอย่างถูกต้อง รอบคอบ และรัดกุม ต้องใช้หลักฐานตัวจริงทั้งหมดในการยื่นกู้ จะใช้สำเนาไม่ได้
ทั้งนี้ในวันที่ 2 เมษายน 2562 ร.ต.ทักษิณ ได้ยื่นเรื่องขอกู้ด้วยตนเอง และมีเจ้าหน้าที่สำนักงานสัสดีจังหวัดตรังมาด้วย เป็นเพศหญิง และพร้อมจะให้มีการตรวจสอบกล้องวงปิดกับสำนักงานใหญ่ และขณะนี้ทราบว่า ร.ต.ทักษิณ ไปแจ้งความดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่สัสดีจังหวัดตรัง ไม่ใช่แจ้งความดำเนินคดีธนาคาร ทางธนาคารจึงพร้อมจะให้ความร่วมมือกับทางตำรวจอย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะร้องขอเอกสารใดๆ หรือจะสอบปากคำเจ้าหน้าที่คนใดก็ตาม
ทางด้าน พ.อ.ชยพล โชคจิรบวรเดช สัสดีจังหวัดตรัง กล่าวว่า เรื่องดังกล่าวเกิดขึ้นตั้งแต่ตนเองยังไม่ได้ย้ายมา หลังทราบเรื่องเมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม ที่ผ่านมา ก็พยายามเรียกเจ้าหน้าที่ธนาคาร, ร.ต.ทักษิณ และพนักงานการเงินและบัญชี สำนักงานสัสดีจังหวัดตรัง มาสอบถามข้อเท็จจริง ทั้งนี้ ร.ต.ทักษิณ กับตัวแทนธนาคาร ได้พบกับตนพร้อมกันแล้ว ซึ่งก็ได้รับการยืนยันจาก ร.ต.ทักษิณ ว่าไม่ได้ไปยื่นเรื่องกู้เงินแต่อย่างใด ตนเองก็ยังถามกลับ ร.ต.ทักษิณ ว่าเหตุใดจึงมารู้เรื่อง หลงลืมหรือไม่ หรือเป็นอัลไซเมอร์หรือเปล่า ก็ได้รับคำยืนยันจาก ร.ต.ทักษิณ ว่าไม่เคยไปทำธุรกรรมใดๆ กับธนาคารกรุงเทพ และไม่ทราบด้วยซ้ำว่าสำนักงานตั้งอยู่ที่ใด และไม่เคยยื่นเรื่องขอกู้เงิน และไม่เคยได้รับเอกสารเงินกู้ใดๆ จากธนาคาร
วันนี้ (29 พ.ค.) จากกรณีที่ ร.ต.ทักษิณ สัมฤทธิ์ อายุ 60 ปี ข้าราชการบำนาญ (อดีตเคยรับราชการทหารสังกัดกองทัพบก) อยู่บ้านเลขที่ 143 ม.5 ต.นาโยงเหนือ อ.นาโยง จ.ตรัง ได้ออกมาร้องเรียนผู้สื่อข่าวว่า ตกเป็นหนี้เงินกู้ธนาคารกรุงเทพ สาขาตรัง จำนวนมากถึง 600,000 บาท มาตั้งแต่วันที่ 3 เมษายน 2562
โดยทางธนาคารส่งเรื่องให้กรมบัญชีกลาง หักหนี้เงินกู้จากเงินบำนาญเดือนละ 3,950 บาท ซึ่งเจ้าตัวยืนยันมีการปลอมแปลงเอกสารหลักฐานเพื่อยื่นกู้ดังกล่าว ทั้งที่ตนเองไม่เคยเข้าไปทำธุรกรรมใดๆ กับธนาคารกรุงเทพมาก่อน และเมื่อเข้าไปสอบถามข้อเท็จจริงจากทางธนาคาร ได้รับคำตอบว่าตนเองเข้ามายื่นเรื่องขอกู้เอง พร้อมกับเจ้าหน้าที่หญิง สำนักงานสัสดีจังหวัดตรัง
ต่อมาเมื่อวันที่ 27 พฤษภาคมที่ผ่านมา ร.ต.ทักษิณ จึงเข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สภ.เมืองตรัง เพื่อเอาผิดกับ นางสาวพชร จันทร์ดำ พนักงานการเงินและบัญชี สำนักงานสัสดีจังหวัดตรัง พร้อมพวกแล้ว เพื่อให้ทางตำรวจสอบสวนหาผู้กระทำผิดที่ปลอมแปลงเอกสาร และดำเนินคดีอาญากับผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด
ความคืบหน้าล่าสุด ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่ธนาคารกรุงเทพ สาขาตรัง เพื่อขอสัมภาษณ์ผู้จัดการถึงเรื่องที่เกิดขึ้น แต่ทางผู้จัดการไม่สามารถให้สัมภาษณ์ได้ โดยระบุว่าต้องเป็นระดับผู้บังคับบัญชาเท่านั้น แต่ในเบื้องต้นได้ตรวจสอบกับเจ้าหน้าที่ธนาคารที่รับทำธุรกรรมในวันนั้นแล้ว ยืนยันว่าทางธนาคารดำเนินการทุกอย่างตามขั้นตอนอย่างถูกต้อง รอบคอบ และรัดกุม ต้องใช้หลักฐานตัวจริงทั้งหมดในการยื่นกู้ จะใช้สำเนาไม่ได้
ทั้งนี้ในวันที่ 2 เมษายน 2562 ร.ต.ทักษิณ ได้ยื่นเรื่องขอกู้ด้วยตนเอง และมีเจ้าหน้าที่สำนักงานสัสดีจังหวัดตรังมาด้วย เป็นเพศหญิง และพร้อมจะให้มีการตรวจสอบกล้องวงปิดกับสำนักงานใหญ่ และขณะนี้ทราบว่า ร.ต.ทักษิณ ไปแจ้งความดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่สัสดีจังหวัดตรัง ไม่ใช่แจ้งความดำเนินคดีธนาคาร ทางธนาคารจึงพร้อมจะให้ความร่วมมือกับทางตำรวจอย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะร้องขอเอกสารใดๆ หรือจะสอบปากคำเจ้าหน้าที่คนใดก็ตาม
ทางด้าน พ.อ.ชยพล โชคจิรบวรเดช สัสดีจังหวัดตรัง กล่าวว่า เรื่องดังกล่าวเกิดขึ้นตั้งแต่ตนเองยังไม่ได้ย้ายมา หลังทราบเรื่องเมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม ที่ผ่านมา ก็พยายามเรียกเจ้าหน้าที่ธนาคาร, ร.ต.ทักษิณ และพนักงานการเงินและบัญชี สำนักงานสัสดีจังหวัดตรัง มาสอบถามข้อเท็จจริง ทั้งนี้ ร.ต.ทักษิณ กับตัวแทนธนาคาร ได้พบกับตนพร้อมกันแล้ว ซึ่งก็ได้รับการยืนยันจาก ร.ต.ทักษิณ ว่าไม่ได้ไปยื่นเรื่องกู้เงินแต่อย่างใด ตนเองก็ยังถามกลับ ร.ต.ทักษิณ ว่าเหตุใดจึงมารู้เรื่อง หลงลืมหรือไม่ หรือเป็นอัลไซเมอร์หรือเปล่า ก็ได้รับคำยืนยันจาก ร.ต.ทักษิณ ว่าไม่เคยไปทำธุรกรรมใดๆ กับธนาคารกรุงเทพ และไม่ทราบด้วยซ้ำว่าสำนักงานตั้งอยู่ที่ใด และไม่เคยยื่นเรื่องขอกู้เงิน และไม่เคยได้รับเอกสารเงินกู้ใดๆ จากธนาคาร
Tags
ข่าวเมืองตรัง