ชาวเมืองตรังปลูก “ลำไย” รอบบ้านแค่ไม่กี่ต้น แต่กลับให้ผลผลิตออกมาดีเกินคาด


 2 สามีภรรยาชาวเมืองตรังใช้พื้นที่รอบบ้านปลูก “ลำไย” เพียงแค่ไม่กี่ต้น แต่กลับให้ผลผลิตที่ออกมาหวาน กรอบ อร่อย ไม่ต่างไปจากภาคเหนือ จนประสบความสำเร็จดีเกินคาด แถมยังขายได้ราคาดีกว่าอีกด้วย


นายศุภวิชญ์ ศักดามาศ อายุ 60 ปี เจ้าของธุรกิจรับทำบัญชี และนางฬิลาศนี ศักดามาศ อายุ 62 ปี อดีตครูวิชาสังคม โรงเรียนห้วยยอด จ.ตรัง สองสามีภรรยา ใช้พื้นที่รอบบ้านในเขตเทศบาลตำบลนาตาล่วง อ.เมืองตรัง ที่มีเพียง 1 ไร่ ปลูกพืชผักผลไม้นานาชนิด รวมทั้ง “ลำไย” ไม้ผลเมืองหนาว ซึ่งแม้จะมีแค่ไม่กี่ต้นแต่กลับให้ผลผลิตดีปีละ 500-600 กิโลกรัม แถมยังมีรสชาติหวานกรอบไม่ต่างไปจากในภาคเหนือ โดยเริ่มจากเอาลำไยพันธุ์เบี้ยวเขียว จาก จ.เชียงใหม่ มาปลูกลงดินต้นแรกเมื่อปี 2550 ก่อนที่จะขยายเพิ่มอีก 2 ต้น เมื่อ 5 ปีที่แล้ว ซึ่งประสบความสำเร็จดีเกินคาด จนมีผู้คนให้ความสนใจมาเยี่ยมชมสวน และสั่งซื้อไปทานกันจนหมดเกลี้ยง

ทั้งนี้ เนื่องจากสวนลำไยของ 2 สามีภรรยาจะปลูกแบบไร้สารเคมี ใช้เพียงปุ๋ยคอก มูลสัตว์ น้ำหมักขี้ปลา ฮอร์โมนไข่ และจุลินทรีย์สังเคราะห์แสง จึงมั่นใจในความปลอดภัยได้ 100 เปอร์เซ็นต์ โดยเฉพาะปุ๋ยอินทรีย์ที่จะใส่ทุกๆ 15 วัน ซึ่งจะทำให้ลำไยออกมาอร่อยกว่าการใช้ปุ๋ยเคมี แต่ต้องดูแลเรื่องการให้น้ำอย่างเหมาะสม เช่น ช่วงออกดอกประมาณเดือนมกราคม ไปจนถึงช่วงที่ผลมีขนาดเท่าหัวไม้ขีดไฟจะต้องงดน้ำเด็ดขาด มิฉะนั้นลำไยจะทิ้งลูกแล้วออกยอดแทน แต่หลังจากนั้นไปแล้วจะต้องอัดน้ำให้เพียงพอไปจนกระทั่งถึงช่วงเก็บเกี่ยวประมาณปลายเดือนกรกฎาคมถึงต้นเดือนสิงหาคม พร้อมทั้งตัดแต่งทรงพุ่มให้สูงไม่เกิน 5 เมตร

โดยเฉพาะปีนี้ที่มีลำไยออกมาจำนวนมากกว่าทุกปี และมียอดจองเข้ามาจนล้นทะลักแล้ว ถึงแม้จะขายในราคาที่สูงถึงกิโลกรัมละ 70 บาท ซึ่งแพงกว่าลำไยทั่วไปในท้องตลาดก็ตาม เนื่องจากลูกค้าส่วนใหญ่จะอยู่ในกลุ่มเครือญาติ และเพื่อนฝูงต่างรู้สึกติดใจในคุณภาพ 2 สามีภรรยาจึงเตรียมขยายพื้นที่ปลูกลำไยเพิ่ม พร้อมทั้งยังผลิตกิ่งตอนขายในราคาต้นละ 150 บาท ซึ่งเชื่อมั่นได้ว่าปลูกแล้วรอดตายแน่นอน แม้จะเป็นในภาคใต้ เพราะมีการนำกิ่งตอนมาอนุบาลในถุง 5-6 เดือนก่อนขาย เพื่อให้ได้ต้นลำไยที่แข็งแรง สมบูรณ์เต็มที่ สำหรับผู้ที่สนใจสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ นางฬิลาศนี หรืออาจารย์นก โทร.08-3182-6397













    ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก  ผู้จัดการออนไลน์

    แสดงความคิดเห็น

    ใหม่กว่า เก่ากว่า