ชาวบ้าน บ้านนางน้อย ต.นาพละ อ.เมือง จ.ตรัง เห็นด้วย ปลดล็อกพืชกระท่อม


 เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 23 สิงหาคม 2564 ผู้สื่อได้เดินทางไปติดตามเตรียมความพร้อมในการต้อนรับนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม ที่วัดหัวถนน บ้านนางน้อย หมู่ที่4 ต.นาพละ อ.เมือง จ.ตรัง ซึ่งจะเดินทางมามอบนโยบายรองรับปลดล็อกพืชกระท่อมตามวิสาหกิจชุมชนในพื้นที่ 3 จังหวัด ต่อยอดพืชเศรษฐกิจใหม่ ในช่วงเย็นวันนี้ โดยมีการเตรียมสถานที่ในการต้อนรับภายในศาลาวัดหัวถนน มีการตั้งจุดตรวจเชื้อโควิด 19 มีเจ้าหน้าที่ปกครองส่วนท้องถิ่น ต.นาพละ เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง ตำรวจ และเจ้าหน้าที่จากสาธารณสุข อ.เมืองตรัง ร่วมบูรณาการ โดยมีชาวบ้านส่วนหนึ่งได้กล่าวถึงกรณี รัฐมนตรียุติธรรมมาปลดล็อกพืชกระท่อมให้ถูกกฎหมายในครั้งนี้ ต่างเห็นด้วยที่จะปลดล็อกพืชกฎหมายให้ถูกกฎหมาย เพราะเป็นพืชที่ชาวบ้าน ตั้งแต่รุ่นทวด ปู่ พ่อ ได้อาศัยพืชกระท่อมมานานแล้ว แม้จะผิดกฎหมาย แต่เป็นสิ่งจำเป็นในชีวิตประจำวัน


นายชัยพร จันทร์หอม อายุ 70 ปี ชาวบ้าน ต.นาโยงใต้ อ.เมืองตรัง หนึ่งในเครือข่ายชุมชน เขา ป่า นา เล วิถีตรังค์ กล่าวว่า กระท่อมมีความผูกพันกับวิถีชุมชน วัฒนธรรมของคนใช้แรงงานสมัยเก่าก่อน เนื่องจากต้องใช้แรงงานคน เมื่อกินใบพืชกระท่อมทำให้มีแรงสู้งาน ทั้งนี้ ตนเห็นดีเห็นงามเห็นด้วย ที่ปลดล็อกพืชกระท่อม มาช้าดีกว่าไม่มา ถือว่าดี ซึ่งหลายคนอาจมองว่าเป็นห่วงการเปิดเสรีเอาน้ำกระท่อมไปทำให้เสียหายหรือไม่ ตนเองไม่เป็นห่วงตรงนั้น เพราะในช่วงปี2539 ที่มียุคการปฎิรูปการเมือง ตรังเปิดเวทีกว่า 30 เวที หลายเวทีบอกว่าชุมชนท้องถิ่นต้องมีสิทธิมีเสียง สิ่งดีๆที่เขาใช้ประโยชน์อยู่ก็ควรสนับสนุนต่อยอด ในเรื่องภูมิปัญญาท้องถิ่นหรือสมุนไพร อะไรก็แล้วแต่ ข้อเสนอดังกล่าวมันถูกยกเข้ามาสู่มาตราของรัฐธรรมนูญปี 2540 แล้ว เป็นหน้าที่ของรัฐ นโยบายพื้นฐานแห่งรัฐต้องลงไปสนับสนุนต่อยอด ชุมชนมีสิทธิทำให้มันดีขึ้นไม่ให้มันเสีย ต้องเข้าใจคนที่มีความรู้เขาจะใช้ในทางที่มีประโยชน์ คนที่ไม่เข้าใจใช้ คนที่สุ่มเสี่ยงก็จะนำไปใช้ในทางที่ผิด พืชกระท่อมมีคุณประโยชน์มากกว่าโทษ คนที่รู้จักใช้คือคนทำงานเขาฟังคำแนะนำของผู้เฒ่าผู้แก่ ส่วนคนที่พูดไม่ฟังก็มี ต้องยอมรับความจริงว่าสังคมมีความหลากหลาย

ทั้งนี้ ต้นกระท่อมปลูกง่ายไม่ต้องดูแลบำรุงรักษา สังคมสมัยนี้กำลังเป็นสังคมผู้สูงวัย ในอีก 5 ปี 10 ปี ข้างหน้า ประชากรของประเทศอายุ 60 ปี ขึ้นไปจะมี 25-30% คนมีอายุมากทำงานตรากตรำไม่ได้ ถ้าชุมชนมีการปลูกกระท่อมหรือการรวมตัวปลูกกระท่อมใช้ต่อยอดไปทำเป็นแบบน้ำ แคปซูล เหมือนฟ้าทะลายโจรมันเป็นยาที่สามารถใช้ประโยชน์ด้านหนึ่งด้านใดได้ เราก็วิจัยดึงตรงนั้นมาทำให้ถูกหลักต่อยอดเป็นเศรษฐกิจพื้นฐานเป็นเศรษฐกิจชุมชนได้ รัฐบาลต้องให้ความสำคัญไม่ใช่เฉพาะพืชกระท่อม อย่างเดียว อย่างห้าทะลายโจร กัญชา กัญชงต้องเอามาดูจุดดีจุดเด่นของมาตรการควบคุมจุดเด่นก็ต้องทำ

ส่วนผู้ที่ทำความผิดเท่าที่ตนศึกษาเรื่องกฎหมายพืชกระท่อมน่าจะปี 2522 ก่อนหน้านั้นไม่มีความผิด เมื่อวันนี้เห็นว่าพืชกระท่อมไม่มีความผิด ถือว่าช่วงปี 2522 เป็นต้นมาเป็นความผิดพลาดทางสังคม ดังนั้น คนที่ต้องโทษคดีต้องนิรโทษกรรม ตนอยากจะฝากถึง รมว. คือ เรื่องผู้ต้องคดีในเรื่องนี้ต้องดำเนินการคืนอิสรภาพให้กับพวกเขา ต้องมาทำความเข้าใจให้ถูกต้องว่าสารอันตรายอย่าไปมั่ว เอาตามที่ชุมชนเขายึดถือ เอามาเคี้ยวกินน้ำไม่กลืนกากใย ต้มเป็นน้ำชา แต่ทั้งนี้ต้องดูสุขภาพของตนเองด้วย เรื่องความดันโลหิต ชีพจร น้ำเหลือง เลือด ต้องทำความเข้าใจกินแล้วอาจมีผลเสีย เศรษฐกิจแย่ ต้องคิดวางแผนเน้นเสริมเศรษฐกิจฐานราก กลุ่มวิสาหกิจชุมชน สหกรณ์ เรื่องพืชกระท่อมเพื่อการค้า อุตสาหกรรม ตนเชื่อว่ารัฐบาลมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอยู่แล้วที่จะดำเนินต่อยอด กระชาย ฟ้าทะลายโจร กระท่อม กัญชา กัญชง ให้เป็นโอกาสของชาวบ้าน



ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก  7HDร้อนออนไลน์

แสดงความคิดเห็น

ใหม่กว่า เก่ากว่า