ผัวหึงโหด! ถือมีดพร้าฟันเมียขณะนั่งหั่นหมูอยู่ในครัว เมียหลบทันเจอแทงสวนดับสยอง


  พ่อเฒ่าหึงโหด! เดินถือมีดพร้าหมายฟันภรรยาขณะนั่งหั่นหมูทำกับข้าวอยู่ในครัว เมียเห็นท่าไม่ดีไหวตัวหลบทัน ก่อนแทงสวนไม่ยั้งได้แผลเหวอะทั้งร่าง เลือดท่วมตัวเสียชีวิตคาที่


วันนี้ (1 ก.ย.) พ.ต.ท.(หญิง) วีระญา คชบริรักษ์ พนักงานสอบสวนเวร สภ.สิชล จ.นครศรีธรรมราช พร้อมด้วยนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ เข้าทำการสอบสวนที่เกิดเหตุฆาตกรรมภายในบ้านเลขที่ 16/1 หมู่ 6 ต.สี่ขีด อ.สิชล จ.นครศรีธรรมราช โดยในที่เกิดเหตุเจ้าหน้าที่พบ นางเกี้ยง แซ่ลิ่ม อายุ 63 ปี ยืนรอเจ้าหน้าที่อยู่ด้วยสีหน้าตื่นตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมทั้งยอมรับว่าเป็นผู้ก่อเหตุฆ่า นายเช้า แซ่ลิ่ม อายุ 63 ปี สามีของตัวเองเสียชีวิตอยู่ในครัว ซึ่งเมื่อเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบพบศพ นายเช้า แซ่ลิ่ม อยู่ในสภาพนุ่งผ้าขาวม้าผืนเดียว นอนเสียชีวิตเลือดท่วมบริเวณ ตามร่างกาย แขน ขามีบาดแผลเหวอะหวะ ในที่เกิดเหตุยังพบมีดพร้า 1 เล่ม และมีดทำครัวปลายแหลม 1 เล่มเปื้อนเลือด จึงทำการตรวจยึดเป็นหลักฐาน

นางเกี้ยง แซ่ลิ่ม ภรรยาของนายเช้า ยอมรับกับเจ้าหน้าที่ว่า อาศัยอยู่กินกับนายเช้า มาหลายสิบปี มีลูกด้วยกันก็ย้ายไปทำงานต่างจังหวัดกันหมดแล้ว ที่บ้านจึงมีเพียงตนเองกับสามี ก่อนเกิดเหตุขณะที่นั่งหั่นหมูทำกับข้าวอยู่ในครัว ปรากฏว่านายเช้า ได้ถือมีดพร้าเข้ามาทางหลังบ้าน และปรี่เข้ามาแล้วฟันตนเองขณะที่นั่งอยู่ แต่หลบทันจึงถีบนายเช้า กลับไป ก่อนจะใช้มีดที่ถืออยู่ในมือแทงสวนไปหลายครั้ง จนนายเช้า แน่นิ่งจมกองเลือดไป และเมื่อเห็นอีกทีนายเช้า ก็หมดลมแล้ว จึงร้องขอความช่วยเหลือจากเพื่อนบ้านให้แจ้งเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบ โดยตัวเองยอมรับความผิด ไม่หลบหนีไปไหน จนมีเจ้าหน้าที่เดินทางมาถึง

เจ้าหน้าที่ได้รวบรวมข้อมูลในที่เกิดเหตุได้ความว่า นายเช้า เป็นคนที่หึงหวงภรรยาอย่างมาก และมักจะระแวงอยู่ตลอดว่ามีชายอื่นมาติดพัน ก่อนเกิดเหตุนายเช้าได้เกิดอาการระแวงนางเกี้ยง อีกครั้ง ด้วยความโกรธจึงถือมีดพร้าเข้าไปฟันนางเกี้ยง แต่โชคดีที่นางเกี้ยง เห็นท่าไม่ดี และระวังตัวอยู่แล้วจึงหลบทัน ก่อนที่จะเข้าแทงสวนกลับไปด้วยความโมโหเช่นเดียวกัน ทำให้นายเช้า เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ ก่อนที่จะตั้งสติได้จึงแจ้งเจ้าหน้าที่ และนางเกี้ยง ก็ยืนรอมอบตัวอยู่ในที่เกิดเหตุ

อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ยังไม่ได้แจ้งข้อหากับนางเกี้ยง เนื่องจากต้องรอการสอบสวนพฤติการณ์ในการเกิดเหตุให้เสร็จสิ้นก่อน เนื่องจากยังไม่แน่ชัดว่าพฤติการณ์เข้าข่ายเป็นการฆ่าโดยเจตนา หรือเป็นการทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนถึงแก่ความตายหรือไม่ รวมทั้งชันสูตรพลิกศพผู้ตายตามขั้นตอน หลังจากนั้นจะได้ดำเนินการต่อไป









    ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก ผู้จัดการออนไลน์

    แสดงความคิดเห็น

    ใหม่กว่า เก่ากว่า