ถอด “11 ข้อสงสัย” จะเชื่อใคร “อุบัติเหตุแตงโม” ที่มีพิรุธ?!


 ถกสนั่น-ตั้งข้อสงสัย! ท่ามกลางความโศกเศร้าของคนไทยทั้งประเทศ สำหรับการจากไปของ “แตงโม-ภัทรธิดา” ที่กังขา และโต้แย้งกับ “อุบัติเหตุ” และรอบทพิสูจน์ และกังวลถึงกระบวนยุติธรรมในครั้งนี้





กลายเป็นอีกหนึ่งเหตุการณ์ที่สะเทือนใจ และสังคมกำลังให้ความสนใจอยู่ในขณะนี้ สำหรับการเสียชีวิตของนักแสดงสาว “แตงโม-ภัทรธิดา พัชรวีระพงษ์


โดยผลชันสูตรในเบื้องต้นจากสถาบันนิติเวช รพ.ตำรวจ แพทย์ลงความเห็นว่า ขาดอากาศหายใจจากการจมน้ำ พบทรายจำนวนมากในปอด คาดว่า ร่างจะจมไปถึงพื้นด้านล่างของแม่น้ำ ส่วนบาดแผลภายนอกพบเพียงที่ต้นขาด้านซ้าย ส่วนชุดที่แตงโมสวมใส่อยู่เป็นลักษณะบอดี้สูท การปัสสาวะอาจทำได้ยาก สำหรับการโดยสารเรือ สำหรับผลชันสูตรเรื่องแอลกอฮอล์และยาเสพติด คาดจะทราบผลภายใน 3-7 วัน

ทว่า ถึงแม้ว่าผลการผ่าชันสูตรศพจะดำเนินการเสร็จสิ้น แต่ในฐานะโฆษกตำรวจ จะนำมาเผยแพร่ต่อสาธารณะไม่ได้ เนื่องจากเป็นพยานหลักฐานสำคัญในสำนวนการสอบสวน

ทั้งนี้ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เป็นที่จับตามองของสังคมและในโซเชียลมีเดีย มีการวิพากษ์วิจารณ์ พร้อมกับคำถามและข้อสงสัยกับ “อุบัติเหตุ” ที่เกิดขึ้น


ไม่รอช้า ทางทีมข่าว MGR Live จึงรวบรวม 11 ข้อสงสัย ที่สังคมกำลังตั้งข้อกังขา กับเหตุการณ์โศกเศร้าที่เกิดขึ้นในครั้งนี้

1. ชี้จุดเกิดเหตุไม่ชัดเจน กลุ่มเพื่อนบนเรือบอกเพียงว่าตกน้ำอยู่กลางแม่น้ำ และมีการชี้จุดคนละทิศทาง แล้วขับเรือออกไปตามหาเอง ทำให้การค้นหาของเจ้าหน้าที่เป็นการงมเข็มในมหาสมุทร ทำให้สังคมมองว่าเป็นการบิดเบือนเหตุการณ์ และสถานที่หรือไม่ โดยทางกู้ภัยได้พบร่างของแตงโม ลอยอยู่ตรงข้ามท่าน้ำพิบูลสงคราม ห่างประมาณ 300 เมตร


2. ไม่อยู่ให้ปากคำหลังเกิดเหตุ แต่กลับไปอู่เรือช่วงตี 1 และมีข้อสงสัยว่าทำไมไม่พบเห็นระหว่างปฏิบัติการค้นหา จนทำให้สังคมมองว่าไปเตรียมข้อมูลและพยายามปิดข่าวหรือไม่ เนื่องจากคุณแม่ และคนใกล้ชิดของแตงโมทราบข่าวจากสื่อ

ขณะที่ ด้าน “ปอ-ตนุภัทร เลิศทวีวิทย์” ซึ่งเป็นเจ้าของเรือ หลังรู้ว่า แตงโม พลัดตกจากเรือได้พยายามขับเรือวนหาและแจ้งกู้ภัย ยืนยันว่า ไม่ได้หายไปไหน ทุกคนตกใจจึงกลับไปตั้งสติ


ด้าน “กระติก-อิจศรินทร์ จุฑาสุขสวัสดิ์” ผู้จัดการส่วนตัวของแตงโมได้ เปิดเผยว่า เมื่อเกิดเหตุได้พยายามช่วยเหลือ ไม่ได้หนีหายไปไหน และได้มีการติดต่อเจ้าหน้าที่ให้เข้าช่วยเหลือ ซึ่งก็มีหลักฐานในการติดต่อเจ้าหน้าที่

หลังจากนั้น เมื่อหาเต็มสุดความสามารถ ช่วงตี 3-4 ก็กลับบ้าน เพราะคิดว่าแตงโมอาจจะกลับไปบ้าน และรู้สึกคิดถึงลูก ส่วนที่ไม่รีบแจ้งแม่ของแตงโม เนื่องจากมีความสนิทกับพ่อของแตงโมมากกว่า


เช่นเดียวกับ “แซน-วิศาพัช มโนมัยรัตน์”หนึ่งในผู้ที่อยู่บนเรือ ได้กล่าวว่า “ได้หาจนสุดความสามารถ คิดว่ามีคนเข้าไปช่วยเยอะ และไม่สามารถช่วยอะไรได้ เลยกลับช่วงตี 3-4 และไม่ได้กลับไปอีก”

นอกจากนี้ จากผู้เห็นเหตุการณ์ ที่ตกปลาอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาและมีการถ่ายติดเรือสปีดโบ๊ตลำดังกล่าว ได้ออกมาเล่านาทีเกิดเหตุผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว

“สปีดโบ๊ตสีขาว-น้ำเงินลำนั้น พวกเราก็เห็น ที่แตงโมตกเรือ แค่เราไม่เห็นว่ามีคนตกเรือ เพราะสปีดโบ๊ตมันขับเร็วมาก

เพราะเราเห็นเรือลำนี้ขับ 3 รอบ รอบแรกเร็วมาก รอบ 2 ขับช้ามาก เพราะเพื่อนน่าจะขับมาหาแตงโม รอบ 3 เพื่อนเค้าตะโกนเรียก แล้วขับเรือเข้ามาถามพวกผมว่าเจอคนตกน้ำไหมคะ เราก็ตอบไปว่าไม่เห็นครับ

แล้วพวกผมก็เดินมองหาดูก็ไม่เจอ เพราะมันมืด แต่ตอนนั้นไม่รู้ว่าเป็นใครตกเรือ พวกผมมารู้ตอนเช้าดูข่าวว่าเป็นแตงโม เค้าน่าจะตกตั้งแต่รอบแรก เพราะขับเร็วมากแล้วหักโค้งด้วยความเร็ว”


3. ตอบคำถาม ลำดับเหตุการณ์วกไปวนมา ด้านแซนเคยออกมาให้คำตอบไว้ว่าไม่ได้เห็นเหตุการณ์ตอนแตงโม พลัดตกลงไป แต่เมื่อมาออกรายการโหนกระแส กลับให้คำตอบว่า เห็นแตงโมพลัดตกลงไปต่อหน้า

เช่นเดียวกับ กระติก หนึ่งในผู้ที่อยู่บนเรือเกิดเหตุ ก็กลับคำพูดที่เคยชี้แจงว่าเห็นแตงโมพลัดตกน้ำ

4. โทษกู้ภัยมาช้า โดยแซนได้กล่าวถึงเรื่องการโทร.แจ้งกู้ภัยไว้ว่า หลังเกิดเหตุได้โทร.แจ้งเจ้าหน้าที่ที่สามารถช่วยได้ ส่งผลให้หลังจากนั้น ทางกู้ภัยออกมางัดหลักฐานข้อมูลวิทยุ ว่า ได้สอบถามข้อมูลตามขั้นตอน แต่ทางผู้แจ้งกลับไม่ให้รายละเอียดอะไร และใช้คำพูดไม่สุภาพต่อเขา


5. ไม่มีใครเชื่อ ใส่บอดี้สูทปัสสาวะท้ายเรือได้ กระติกยืนยัน ณ วันแถลงข่าวไว้ว่า ถ้าตนเป็นแตงโม จะใช้วิธีแหวกข้างออกมาแทน เพื่อถ่ายเบาเพราะเคยทำวิธีนี้ ขณะเดียวกัน แซนสวนกลับสื่อ “ไม่เคยปัสสาวะรีบๆ โดยบอดี้สูทเหรอคะ”

ทำให้ชาวโซเชียลฯ ออกมาทดสอบวิธีการนั่งปัสสาวะในชุดดังกล่าวอย่างละเอียดที่มีความยากลำบาก และออกมาคอนเฟิร์มเป็นเสียงเดียวกัน แม้แต่ทนาย ที่มองว่า เจ้าพระยาไม่ได้ไกลท่าเรือ สามารถที่จะขอเทียบเข้าปัสสาวะกับใครก็ได้ ในเวลาจากจุดๆ หนึ่งที่เรืออยู่


6. ปริศนาภาพหายจากไอจีแตงโม โดยกลับถูกลบไป 6 ภาพ จากเดิมมี 2,306 โพสต์ แต่ล่าสุดเหลือ 2,300 โพสต์ โดยไม่ทราบสาเหตุ รวมทั้งข้อสงสัยว่าโทรศัพท์ของแตงโมอยู่ที่ใคร


7. รอยขาดที่เสื้อ = หลักฐานที่ทิ้งไว้? ถึงเรื่องนี้ด้าน “จ๊อบ-นิทัศน์ กีรติสุทธิสาธร” ได้ออกมาชี้แจงผ่านรายการโหนกระแส พร้อมนำเสื้อตัวดังกล่าวมายืนยันว่า เสื้อไม่มีรอยขาด ซึ่งเมื่อนำมาเปรียบเทียบกับภาพเป็นไปได้ว่า สิ่งที่เห็นตรงบริเวณแขนนั้น อาจจะเป็นเพียงรอยสัก

ส่วนที่ภาพในโลกออนไลน์ เหมือนกำลังลากอะไรในน้ำ และกล่าวหาเป็นแตงโมนั้น ยืนยันว่า จังหวะนั้นขึ้นไปบนฝั่ง เพื่อให้ข้อมูลและส่องไฟฉายให้ส่องหา แต่อาจเข้าใจไม่ตรงกันกับเจ้าหน้าที่



8. อินสตาแกรม โรเบิร์ต-ไพบูลย์ ตรีกาญจนานันท์ หนึ่งในคนในเรือ ได้เปลี่ยนชื่อตั้งค่าเป็นผู้ใช้ส่วนตัว และได้ลบยอดผู้ติดตามออกจนหมดเกลี้ยงไอจี ยิ่งเพิ่มความสงสัยให้กับชาวโซเชียลเป็นอย่างมาก ว่ามีอะไรปิดบังไว้หรือไม่ อีกทั้งยังไม่เห็นการปรากฏตัวของโรเบิร์ตผ่านสื่อ


9. อ้างเรือเสียงดัง จนไม่ได้ยินเสียงตกน้ำ เมื่อหากย้อนในเฟซบุ๊กของ “เบนซ์ พริกไทย” ภรรยาของปอนั้น ก็จะพบว่ามีหลายโพสต์ที่เจ้าตัวมักจะออกมาพูดถึงเรือลำดังกล่าวที่เจ้าตัวได้ระบุว่าเป็นเรือสปอร์ตระดับ luxury แตกต่างจากเรือทั่วไป ที่นุ่มนวล ท้องเรือไม่กระแทก และเงียบที่สุด


         อย่างไรก็ดี จากโพสต์เรื่องนั้น ทำให้สังคมเกิดความสงสัย และมาซึ่งการวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก ว่า จากโพสต์ดังกล่าวนั้นดูย้อนแย้งกับคำให้การของสามี ที่ว่าเสียงของเรือ ทำให้ไม่ได้ยินเสียงตอนที่ตกน้ำ

อีกทั้งล่าสุด เมื่อมีคลิปจากรายการโหนกระแสออกมา กลับพบว่า ขณะเรือเคลื่อนไหว เสียงเรือเงียบมาก จนเปิดเพลง แต่ยังได้ยินเสียงพูดเข้ามือถือ


10. สีหน้า-ท่าทางดู “ปลอม” จนยากจะเชื่อ สังคมมองว่า การร้องไห้ และเสียงสะอื้น ของกระติกผู้จัดการแตงโม ไม่แสดงถึงความจริงใจ เพราะร้องไห้เพียง 3 วิ เสียงก็เปลี่ยนและเงียบเป็นปกติแล้ว ซึ่งเธอได้ให้คำตอบผ่านรายการโหนกระแสไว้ว่า เป็นคนไม่ชอบร้องไห้ต่อหน้าคนอื่น


11. คุณแม่ไม่เชื่อ-ลุ้นผลหลักฐานใหม่ โดยล่าสุด แม่พนิดา ศิริยุทธโยธิน รวบรวมหลักฐานที่เผยแพร่ในสื่อออนไลน์ และโทรศัพท์มือถือของแตงโมเครื่องที่ 2 มอบให้กับพนักงานสอบสวนเพิ่มเติม เนื่องจากยังติดใจการเสียชีวิตของลูก โดยส่วนตัวเชื่อว่า ถูกลวนลาม แล้วไม่ยินยอม จึงพลัดตกเรือ อย่างที่เพื่อนในเรือกล่าวอ้าง

แน่นอนว่า ท่ามกลางความเศร้าโศกของทุกคนในเหตุการณ์สลดครั้งนี้ ยังคงต้องติดตามอย่างต่อเนื่องจาก “อุบัติเหตุ” จะกลายเป็นเรื่องราวที่สังคมเคลือบแคลงใจมากแค่ไหน และยังต้องรอผลการชันสูตรทั้งหมดจากทางนิติเวช “กุญแจ” ไขความจริง สำหรับการจากไปของผู้ล่วงลับ









ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก ผู้จัดการออนไลน์

แสดงความคิดเห็น

ใหม่กว่า เก่ากว่า