สามีภรรยาชาวตรังสร้างสวนผักปลอดสารพิษส่งป้อนโรงพยาบาลสร้างรายได้งามทั้งปี


 2 สามีภรรยาชาวตรังสร้างสวนผักเมืองหนาวและผักระยะสั้นปลอดสารพิษ ส่งป้อนโรงพยาบาลและกลุ่มคนรักสุขภาพ เจ้าตัวเผยถึงจะเหนื่อยหน่อยแต่สร้างรายได้งามปีละ 6 หลัก


วันนี้ (28 ก.พ.) ที่สวนผักสุขรัก ตั้งอยู่บ้านเลขที่ 92 หมู่ที่ 3 ต.กะลาเส อ.สิเกา จ.ตรัง นางกัลยารัตน์ หมุนเวียน อายุ 39 ปี ซึ่งเป็นเกษตรกรรุ่นใหม่ Young Smart Farmer ต้นแบบจังหวัดตรัง พร้อมด้วยสามีคือ นายจิรศักดิ์ หมุนเวียน อายุ 40 ปี ได้ช่วยกันดูแลแปลงผักเมืองหนาว และผักระยะสั้นหลากหลายชนิด เช่น กะหล่ำปลี กะหล่ำดอก บรอกโคลี และผักใบเขียว อาทิ คะน้า ผักกาดขาว กวางตุ้ง ผักบุ้ง บวบ ที่ปลูกเอาไว้เต็มพื้นที่ประมาณ 2 ไร่ โดยกำหนดให้สามารถเก็บผลผลิตได้แบบหมุนเวียนเป็นรุ่นๆ ตลอดทั้งปี และใช้วิธีการปลูกแบบปลอดสารเคมี 100 เปอร์เซ็นต์ โดยใช้กาวดักจับแมลง และเลี้ยงแมลงขาหนีบ นำมาปล่อยให้กินหนอน เพื่อกำจัดแมลงศัตรูพืช และใช้แหนแดงแทนปุ๋ยเคมี รวมทั้งปุ๋ยคอก ปุ๋ยหมัก

ทั้งนี้ แม้ผักบางชนิดจะถูกหนอนกัดกินจนบริเวณเปลือกนอกดูไม่สวย เช่น กะหล่ำดอก แต่เนื้อในยังสมบูรณ์ ทำให้เจ้าของแปลงไม่ย่อท้อที่จะผลิตผักปลอดสารพิษด้วยวิธีการดังกล่าวออกมาขาย เพราะยืนยันได้ว่าไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย และเป็นที่ต้องการมากของตลาด โดยเฉพาะโรงพยาบาล ที่คัดเอาแต่ผักปลอดสารพิษเท่านั้น รวมทั้งกลุ่มคนรักสุขภาพ ทำให้ 2 สามีภรรยาสามารถสร้างรายได้งามปีละ 4-5 แสนบาท แม้จะเหนื่อยหน่อยแต่รายได้ดี แถมยังได้อยู่กับผักสีเขียวปลอดสารพิษ ที่ได้ทั้งกินเองและขายให้บุคคลอื่นได้รับประทาน


นางกัลยารัตน์ หมุนเวียน กล่าวว่า ตนเองทำสวนผักสุขรักมาตั้งแต่ปี 2549 รวม 16 ปีแล้ว แรกๆ ตั้งใจปลูกกินเอง ที่เหลือก็ส่งขาย ตลาดหลักคือ ฝ่ายโภชนาการ โรงพยาบาลตรัง เพื่อนำไปทำอาหารให้ผู้ป่วย โดยที่ปลูกส่วนมากจะเป็นผักเมืองหนาว และผักระยะสั้นตามฤดูกาล แต่ถ้าเป็นช่วงฤดูฝนจะปรับเปลี่ยนไปปลูกผักที่ต้องอาศัยไม้เลื้อย เพื่อยกต้นขึ้นเหนือพื้นดิน จะได้ไม่เน่า ลดความชื้น โดยไม่ใช้สารเคมี แต่ใช้ชีวภัณฑ์เข้ามาช่วยควบคุมศัตรูพืช หลายคนมองว่าอาจอยู่ไม่ได้ แต่ตนกับสามีกลับอยู่ได้ เพราะใจรัก ความเอาใจใส่ในการทำ ความมุ่งมั่น ความอดทน และปลูกแบบผสมผสาน เพราะบางอย่างก็ให้ผลผลิตดี บางอย่างก็ไม่ดี

อย่างไรก็ตาม ข้อดีคือ เมื่อเป็นผักปลอดสารพิษทำให้ขายได้ราคาดี โดยคนปลูกเป็นคนกำหนดเอง ขึ้นอยู่กับความยากง่ายในการปลูก และดูแลรักษาของผักชนิดนั้น เช่น ผักกวางตุ้ง กก.ละ 40 บาท, กะหล่ำปลี กก.ละ 60 บาท, คะน้า กก.ละ 60 บาท, กะหล่ำดอก กก.ละ 80 บาท และบรอกโคลี กก.ละ 120 บาท ซึ่งราคาจะสูงกว่าผักตามท้องตลาดทั่วไป เพราะผู้บริโภคไม่เกี่ยงแต่เน้นความปลอดภัยเพื่อสุขภาพ ทำให้แต่ละปีแม้รายได้จะไม่เท่ากัน แต่เป็นตัวเลข 6 หลักทุกปี












    ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก ผู้จัดการออนไลน์

    แสดงความคิดเห็น

    ใหม่กว่า เก่ากว่า