อัยการสูงสุดมีความเห็นชี้ขาด สั่งฟ้อง 4 ข้อหาหนักกับ “ชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร” อดีตหัวหน้าอุทยาน แห่งชาติแก่งกระจานและพวก ในคดีร่วมกันฆ่าบิลลี่-พอละจี รักจงเจริญ แกนนำกะเหรี่ยงบ้านโป่งลึก-บางกลอย อ.แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี เจ้าตัวลั่นไม่หนักใจ หวังศาลเมตตาให้ประกันตัว ขณะที่ “จตุพร บุรุษพัฒน์” ปลัด ทส. ชี้คำสั่งของศาลปกครองเพชรบุรีก่อนหน้านี้ที่ให้ “ชัยวัฒน์” กลับเข้ารับราชการไว้ก่อนเป็นคนละกรณีกัน ยังไม่มีผลอะไรต่อการกลับเข้ารับราชการ
นับเป็นอีกหนึ่งคดีที่หลายฝ่ายจับตาถึงบทสรุปของกระบวนการยุติธรรมไทย กรณีบิลลี่-พอละจี รักจงเจริญ แกนนำและนักปกป้องสิทธิมนุษยชนชาวกะเหรี่ยงบ้านโป่งลึก-บางกลอย อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน จ.เพชรบุรี ที่หายตัวไปเมื่อปี 57 ก่อนหน่วยงานเกี่ยวข้องพบหลักฐานเจ้าตัวถูกฆาตกรรมอำพราง หลังออกมาเปิดโปงการกระทำอันมิชอบของเจ้าหน้าที่รัฐ คดีนี้อัยการสำนักงานคดีพิเศษ 1 ฟ้องนายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร อดีตหัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจานกับพวกฐานปฏิบัติหน้าที่มิชอบ ส่วนข้อหาอื่นๆ คณะทำงานเห็นว่าคดีไม่มีประจักษ์ พยานและพยานแวดล้อมใดๆเพียงพอที่จะพิสูจน์ความผิดของนายชัยวัฒน์กับพวกได้ เห็นควรไม่สั่งฟ้องในบางข้อหา ต่อมาอธิบดีดีเอสไอมีความเห็นแย้ง ทำให้ต้องส่งสำนวนคดีให้อัยการสูงสุดพิจารณาชี้ขาด
เกี่ยวกับเรื่องนี้ ที่สำนักงานอัยการสูงสุด (อสส.) เมื่อวันที่ 15 ส.ค. นายสิงห์ชัย ทนินซ้อน อัยการสูงสุด เปิดเผยว่า ขณะนี้มีคำสั่งชี้ขาดให้สั่งฟ้องนายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร อดีตหัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน นายบุญแทน บุษราคัม นายธนเสฏฐ์ หรือไพฑูรย์ แช่มเทศ และนายกฤษณพงศ์ จิตต์เทศ ผู้ต้องหาที่ 1-4 ในคดีร่วมกันฆ่าบิลลี่-พอละจี รักจงเจริญ แกนนำกะเหรี่ยงบ้านโป่งลึก-บางกลอย อ.แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี เหตุเกิดเมื่อปี 57 ในคำชี้ขาดระบุชัดเจนให้ยื่นฟ้องคดีต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง
นายประยุทธ เพชรคุณ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวเพิ่มเติมว่า นายสิงห์ชัย ทนินซ้อน อสส. มีคำสั่งชี้ขาดให้ฟ้องนายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร อดีต หน.อุทยานแห่งชาติแก่งกระจานกับพวกรวม 4 คน ใน 4 ข้อหา ฐานฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ฆ่า เพื่อปิดบังการกระทำผิดของตน ข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใดไม่กระทำการใด หน่วงเหนี่ยวกักขัง หลังจากนี้หากอัยการสำนักงานคดีพิเศษร่างฟ้องเสร็จจะนำตัวผู้ต้องหาทั้งหมดไปยื่นฟ้องต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางตามขั้นตอน
ด้านนายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร อดีตหัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน เปิดเผยภายหลังทราบข่าวอัยการสูงสุดมีความเห็นชี้ขาดสั่งฟ้องในคดีนี้ว่า ไม่ได้รู้สึกกังวลหรือหนักใจในคดีแต่อย่างใด ขณะนี้ยังไม่ได้รับเอกสารใดๆ ยินดีเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมสู้คดี เชื่อว่าศาลจะให้ความเป็นธรรมและเมตตาให้ได้รับการประกันตัวเนื่องจากไม่มีเจตนาหลบหนี ส่วนตัวเชื่อเป็นการสร้างเรื่องขึ้น อีกทั้งมีการพิสูจน์แล้วว่ากระดูกไม่ใช่ของ “บิลลี่-พอละจี” ยอมรับเป็นห่วงลูกน้องอีก 3 คนไม่มีเงินต่อสู้คดี เป็นการรังแกคนที่ไม่มีทางสู้ เนื่องจากไม่มีใครทำผิด
ขณะที่นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) เปิดเผยถึงเรื่องนี้ว่า ยังไม่เห็นคำสั่งดังกล่าว ทำให้ไม่สามารถตอบคำถามอะไรได้ ส่วนคำสั่งของศาลปกครองเพชรบุรีให้นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร กลับเข้ารับราชการไว้ก่อนเป็นการชั่วคราว ถือว่าเป็นคนละคำสั่งกัน ยังไม่มีผลอะไรต่อการกลับเข้ารับราชการ
มีรายงานว่าเมื่อวันที่ 27 ก.ค. ศาลปกครองเพชรบุรีมีคำสั่งทุเลาบังคับคดีให้นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร กลับเข้ารับราชการไว้ก่อน หลังถูกปลดออกจากกรณีเผาทรัพย์สินชาวบ้านบางกลอย ในอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน โดยคำสั่งของศาลมีใจความสำคัญว่า คดีที่นายชัยวัฒน์ฟ้องกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอันเป็นต้นสังกัดนั้น เนื่องมาจาก
คำสั่งกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่ 132/2564 ลงวันที่ 2 เม.ย.64 ที่ลงโทษปลดนายชัยวัฒน์นั้นไม่ได้แต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยอย่างร้ายแรงตาม พ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ.2551 มีเหตุอันควรสงสัยว่าคำสั่งที่เป็นเหตุแห่งการฟ้องคดีนี้น่าจะไม่ชอบด้วยกฎหมาย อีกทั้งนายชัยวัฒน์ยังได้ชี้แจงว่า ขณะดำรงตำแหน่งดังกล่าวได้ปฏิบัติหน้าที่ในการจับกุมและปราบปรามผู้กระทำผิดกฎหมายว่าด้วยการป่าไม้จำนวน 474 คดี แล้วเสร็จ 64 คดี และมีคดีที่ยังไม่สิ้นสุดอีก 386 คดี ซึ่งนายชัยวัฒน์อาจต้องไปเป็นพยานในชั้นพิจารณาคดีของศาลด้วยตนเอง เห็นได้ว่านายชัยวัฒน์ยังคงมีหน้าที่อย่างต่อเนื่องเพื่อให้ภารกิจของกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ให้สำเร็จลุล่วงไปด้วยดี มีเหตุอันควรที่ศาลปกครองมีคำสั่งทุเลาการบังคับตามคำสั่งกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ที่ 132/2564 ลงวันที่ 2 เม.ย.64 ลงโทษปลดผู้ฟ้องคดีออกจากราชการไว้เป็นการชั่วคราว
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก ไทยรัฐออนไลน์