เหตุเกิดที่ตรังเมื่อมิจฉาชีพอ้างเป็นสรรพากร ส่งลิงก์ตรวจยอดภาษี กดปุ๊บเงินเก็บทั้งชีวิตหายวับ 1.5 ล้าน


  ครอบครัวร้องทุกข์ เจอมิจฉาชีพโทร. มาอ้างเป็นสรรพากร หลงเชื่อเพราะรู้จักชื่อ-นามสกุลจริง ก่อนส่งลิงก์ให้ตรวจยอดค้างภาษี เผลอกดเครื่องค้าง  เงินเก็บทั้งชีวิต 40 ปีโดนดูดหายวับ 1.5 ล้าน คาใจข้อมูลส่วนตัวหลุดได้ยังไง

    วันที่ 16 กันยายน 2565 เฟซบุ๊ก สรยุทธ สุทัศนะจินดา กรรมกรข่าว รายงานเรื่องราวร้องทุกข์ของ นางนิส อายุ 63 ปี, น.ส.นิดา อายุ 35 ปี ลูกสาว และนางสาวศิริวรรณ อายุ 36 ปี ลูกสะใภ้ ชาวบ้าน อ.ห้วยยอด จ.ตรัง กรณีถูกมิจฉาชีพโทร. เข้ามาอ้างเป็นเจ้าหน้าที่กรมสรรพากรแจ้งเรื่องค้างภาษี ก่อนแชตไลน์ส่งลิงก์อ้างเป็นลิงก์เว็บกรมสรรพากร ให้กดเข้าไปตรวจสอบว่ามีการค้างภาษีหรือไม่ แต่เมื่อกดเข้าไปแล้วโทรศัพท์ค้าง ก่อนจะถูกดูดเงินออกไปเกลี้ยงบัญชีเกือบ 1.5 ล้านบาท


           น.ส.นิดา เล่าว่า เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อช่วงเช้าวันที่ 13 กันยายน ที่ผ่านมา มีคนโทร. มาอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่กรมสรรพากร บวกกับช่วงนั้นตนและแม่กำลังทำเรื่องเกี่ยวกับภาษีถ่ายโอนกิจการพอดี จึงเข้าใจว่าคงเป็นภาษีที่ค้างอยู่ ก็เลยคุยกับเขา ซึ่งอีกฝ่ายได้แจ้งชื่อจริง นามสกุลจริงของแม่มาอย่างถูกต้อง ก่อนจะส่งลิงก์เข้ามาทางไลน์ให้กดเข้าไป พบว่าเป็นรูปและหน้าเว็บไซต์ของกรมสรรพากร บอกให้ตนกรอกชื่อและเบอร์โทรศัพท์ของแม่ แต่จากนั้นเพียงไม่กี่วินาที โทรศัพท์ก็ค้าง ขึ้นหน้าจอเป็นสีฟ้ามีโลโก้กรมสรรพากร พร้อมข้อความว่า "668325 อยู่ระหว่างการทำการตรวจสอบชื่อนาม-สกุล ห้ามใช้งานโทรศัพท์" และโทรศัพท์ก็ใช้งานไม่ได้อีก เห็นแค่ข้อความว่า เงินถูกโอนออกจากบัญชี 2 ธนาคาร จำนวน 1,458,000 บาท และ 10,000 บาท สำหรับเงินที่โดนดูดไปนั้น ทั้ง 2 บัญชี ล้วนใช้แอปพลิเคชันของธนาคารกับโทรศัพท์

หลอกเป็นสรรพากร

           หลังเกิดเรื่องได้รีบประสานติดต่อเจ้าหน้าที่ธนาคาร และเข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้ว ทั้ง สภ.ห้วยยอด และกองปราบปรามการกระทำผิดทางเทคโนโลยี ทราบเบื้องต้นว่าเงินถูกโอนเข้าบัญชีชื่อ น.ส.สุภาพร กุลอามาตย์ ซึ่งเป็นบัญชีธนาคารยูโอบี และทางธนาคารได้ทำการอายัดบัญชีแล้ว จนขณะนี้เป็นเวลา 3 วันแล้ว แต่ยังไร้วี่แววได้เงินคืนจึงอยากร้องเรียนให้เร่งช่วยเหลือ เพราะขณะนี้ยอดเงินในบัญชีของแม่ จาก 2 บัญชี เหลือเพียง 761 บาท และ 900 กว่าบาทเท่านั้น โดยเงินที่หายไปเป็นเงินที่ตนตั้งใจจะเอาไปลงทุนเปิดร้าน แต่มาเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวเสียก่อน

หลอกเป็นสรรพากร

           ผู้เสียหายรู้สึกข้องใจว่า ปกติการจะเข้าแอปฯ ธนาคารนั้นต้องกดรหัสผ่าน แต่นี่ตนไม่ได้กดอะไรเลย ไม่มีการแจ้ง OTP แต่เงินกลับหายออกไปง่าย ๆ จึงอยากรู้ว่าเงินที่เราฝากไว้กับธนาคารมีความปลอดภัยแค่ไหน รู้สึกไม่เชื่อมั่นในความปลอดภัยแล้ว ต่อไปเมื่อขายของได้คงถือเงินสดเองอย่างเดียว ไม่ฝากเข้าธนาคารอีกแล้วเพราะกลัว นอกจากนี้ ข้อมูลส่วนตัวเกิดการรั่วไหลมาจากช่องทางไหน อาจเป็นจาก กรมสรรพากร หรือแอปฯ ธนาคารที่ใช้อยู่หรือไม่ อยากให้ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องเข้ามาช่วยเหลือ ยอมรับว่าตั้งแต่เกิดเรื่องมา ฝ่ายเจ้าหน้าที่ทำงานล่าช้ามาก ขั้นตอนกระบวนการในการแจ้งอายัดบัญชีนั้นยุ่งยาก จึงอาจไม่ทันการ เงินที่หายไปก็คงไปไกลถึงไหนต่อไหนแล้ว

           สุดท้ายนี้ ผู้เสียหายยอมรับว่า หลังเกิดเรื่องทั้งครอบครัวเครียดไปหมด โดยเฉพาะแม่เกือบจะมีอาการช็อก และโรคหัวใจกำเริบ ต้องรีบพาไปหาหมอรักษา ตอนนี้เดือดร้อนจริง ๆ เงินเก็บทั้งชีวิตของแม่ ที่เปิดร้านเขียงขายหมูอยู่ในตลาดสดห้วยยอดมา 40 กว่าปี ตอนนี้ไปหมดเลย จึงอยากฝากเตือนทุกคนว่า ตอนนี้มิจฉาชีพมาในรูปแบบใหม่ แค่คลิกลิงก์ เงินก็สูญหายได้ เพียงไม่กี่เสี้ยววินาที


หลอกเป็นสรรพากร

หลอกเป็นสรรพากร




ขอบคุณข้อมูลจาก เฟซบุ๊ก สรยุทธ สุทัศนะจินดา กรรมกรข่าว

แสดงความคิดเห็น

ใหม่กว่า เก่ากว่า