ที่โคกหล่อ-สุดเวทนา! เจ้าหมาน้อย “โตโน่” ถูกล่ามโซ่ทิ้งไว้กว่า 1 เดือน หลังเจ้าของสิ้นใจกะทันหัน

“เจ้าโตโน่” หมาพันทางลูกผสมวัย 2 ปี ถูกล่ามโซ่ทิ้งไว้ตากแดด ตากฝนนานกว่า 1 เดือน บริเวณหลังบ้านเช่าในพื้นที่ ต.โคกหล่อ อ.เมืองตรัง หลังเจ้าของสิ้นใจกะทันหัน วอนหาผู้ช่วยเหลือ
วันนี้ (23 ต.ค.) ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจาก น.ส.นพมาศ หรือต้า พิทักษ์ อาชีพพนักงานบริษัท อายุ 35 ปี อยู่บ้านเลขที่ 2/81 หมู่ 5 ต.บางรัก อ.เมืองตรัง ซึ่งเป็นพลเมืองดี โดยแจ้งว่า มีสุนัข จำนวน 1 ตัว ได้ถูกทอดทิ้งให้อยู่ภายในหลังบ้านเช่าแห่งหนึ่งนานกว่า 1 เดือนแล้ว ในสภาพสุดเวทนาแก่ผู้ที่พบเห็น เนื่องจากมีการล่ามโซ่ และอดข้าว อดน้ำ รวมทั้งไม่มีที่หลบแดดหลบฝน



โดยบ้านเช่าดังกล่าวตั้งอยู่เลขที่ 42/1 หมู่ 8 ต.โคกหล่อ อ.เมืองตรัง ริมถนนสายวัดโคกหล่อ-ควนขัน ซึ่งบริเวณหลังบ้านมีการกั้นด้วยกำแพงปูน และมีประตูเหล็ก แต่ไม่ได้ล็อกกุญแจ จึงสามารถเปิดเข้าออกได้ และไม่มีหลังคาปิดกั้นไว้บริเวณด้านบน ภายในพบสุนัขพันทางลูกผสม ชื่อว่า “โตโน่” เป็นเพศผู้ อายุประมาณ 2 ปี บริเวณคอถูกล่ามด้วยโซ่เหล็กยาวประมาณ 1.5 เมตร ผูกติดอยู่กับแผ่นเหล็กที่ติดอยู่กับผนังกำแพง ซึ่งกำลังเห่าและส่งเสียงร้องโหยหวนตลอดเวลา แถมยังมีนิสัยดุร้าย โดยที่ไม่มีใครสามารถเข้าใกล้ได้ ใกล้กันยังพบกะละมังที่มีน้ำขังในสภาพเหม็นเน่าอยู่ภายใน
น.ส.นพมาศ หรือต้า พิทักษ์ ซึ่งเป็นพลเมืองดี กล่าวว่า ตนเองรู้จักกับผู้เช่าบ้านที่เป็นเจ้าของสุนัขตัวดังกล่าว โดยทำงานอยู่ในบริษัทเดียวกัน แต่เขามีภูมิลำเนาเดิมอยู่ที่ จ.สงขลา กระทั่งเมื่อ 1 เดือนที่ผ่านมา เจ้าของสุนัขได้เกิดป่วยอย่างหนัก จนทำให้ญาติต้องมารับตัวไปเข้ารับการรักษาอยู่ที่โรงพยาบาลภายใน จ.สงขลา ก่อนจะเสียชีวิตในเวลาต่อมา แต่ไม่ได้นำสุนัขตัวดังกล่าวไปด้วย ทำให้สุนัขถูกทอดทิ้งอยู่ในสภาพสุดเวทนา ตากแดดตากฝน และอดข้าวอดน้ำมาตั้งแต่บัดนั้น



ทั้งนี้ หลังจากที่ตนเองทราบเรื่อง จึงได้เอาอาหารมาให้บ้างเป็นบางครั้ง แต่จะทำได้ลำบาก เนื่องจากไม่สามารถเข้าใกล้ตัวสุนัขได้ เพราะมีนิสัยที่ดุร้าย ตนเองจึงได้ประสานไปยังเทศบาลในพื้นที่เพื่อให้เข้ามาช่วยดูแล หรือจัดการ โดยที่ไม่อยากให้สุนัขอยู่ในสภาพแบบนี้ แต่กลับได้รับคำตอบมาว่า จะให้ทำยังไง ในเมื่อที่มีอยู่ก็ดูแลได้ไม่หมด จึงอยากวิงวอนผ่านไปยังสื่อมวลชน ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทหรือผู้ใจบุญให้เข้ามาหาทางช่วยเหลือสุนัขตัวดังกล่าว ให้มีบ้านหลังใหม่หรือหาเจ้าของใหม่ โดยที่ไม่ต้องอยู่ในสภาพแบบนี้ หรือจะนำไปอยู่ในสถานกักกันก็ได้ เพื่อไม่ให้ 1 ชีวิตต้องถูกล่ามโซ่ทรมานอยู่อย่างนี้
“อยากฝากว่า คนเราหากนำสัตว์มาเลี้ยง 1 ชีวิต ถ้าดูแลไม่ได้ มันก็รู้สึกหดหู่ จึงอยากจะให้เป็นข้อคิดเลยว่า ถ้าจะเลี้ยงสัตว์ไม่ว่าจะประเภทไหน ก็ช่วยดูแลเขาเหมือนคนคนหนึ่งที่มีชีวิตและมีจิตใจเหมือนกับเราทั่วไป” พลเมืองดีรายนี้กล่าวทิ้งท้ายด้วยน้ำเสียงที่แสนเศร้า


ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบ

 

แสดงความคิดเห็น

ใหม่กว่า เก่ากว่า