ขอขมา-จุดไฟเผารังต่อหัวเสือบนถ้ำปู่เสือเมืองตรัง หลังรุมต่อยคนงานเมืองโคราช-หนูน้อย 4 ขวบ ดับทั้งคู่

ขอขมา-จุดไฟเผารังต่อหัวเสือบนถ้ำปู่เสือเมืองตรัง หลังรุมต่อยคนงานเมืองโคราช-หนูน้อย 4 ขวบ ดับทั้งคู่

21 ต.ค. 61 ที่สำนักปฏิบัติธรรมถ้ำปู่เสือ หมู่ที่ 21 ต.เขาวิเศษ อ.วังวิเศษ จ.ตรัง พระอรุณ ฐานะวุฒิโฒ เจ้าสำนักปฏิบัติธรรมถ้ำปู่เสือ พร้อมด้วย ชาวบ้านในพื้นที่ รวมทั้งลูกศิษย์ กว่า15 คน ได้ร่วมกันทำพิธีขอขมาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เจ้าที่ เจ้าทาง เพื่อที่จะทำลายรังต่อหัวเสือขนาดใหญ่ จำนวน 2 รัง ที่อยู่บนยอดไม้สูง เหนือองค์พระขนาดใหญ่ หลังจากที่คนงานก่อสร้างจาก จ.นครราชสีมา ได้ไปเทปูนทำขั้นบันได และราวเกาะรูปพญานาค ความยาวประมาณ 70 เมตร ภายในสำนักปฏิบัติธรรม แต่ปรากฏว่า ได้เกิดลมกรรโชกอย่างแรง ทำให้รังต่อหัวเสือดังกล่าวซึ่งมีขนาดใหญ่ ร่วงหล่นลงมาทั้งหมด จนคนงานก่อสร้างนับ 10 คน ซึ่งกำลังเร่งทำงานกันอยู่ โดนต่อต่อยกันจำนวนมาก ต่างก็วิ่งหนีกันกระเจิง ส่งผลทำให้ นางลัดดา จงเทพ อายุ 27 ปี และ ด.ช.พีระพงษ์ มีสายมั่น หรือ น้องพี อายุ 4 ปี ชาว จ.นครราชสีมา ได้รับบาดเจ็บสาหัส และถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล ก่อนจะเสียชีวิตในเวลาต่อมาทั้งคู่

สำหรับพิธีการขอขมาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เจ้าที่ เจ้าทาง เพื่อจะทำลายรังต่อหัวเสือดังกล่าวในครั้งนี้ ได้มีการจุดธูป เทียนตามขั้นตอน ก่อนที่ชาวบ้านในพื้นที่ที่มีความชำนาญในการทำลายรังต่อ จำนวน 3 คน จะใช้ไม้ไผ่ความยาวประมาณ 10 เมตร จำนวน 2 อัน และใช้เศษยางพาราพันติดไว้บนยอดไม้ ในลักษณะคบเพลิง แล้วจึงทำการจุดไฟเพื่อเผารังต่อดังกล่าวจำนวน 2 รัง แต่ก็เป็นไปอย่างทุลักทุเล เนื่องจากอยู่บริเวณเนินเขาสูงชัน ทั้งนี้ ใช้เวลาประมาณ 30 นาที จึงเสร็จสิ้น โดยที่ต่อทั้งหมดไม่แตกรัง หรือทำร้ายผู้ที่เข้าร่วมพิธีแต่อย่างใด

อย่างไรก็ตาม ระหว่างที่ทำการทำพิธี และดำเนินการเผาอยู่นั้น ได้เกิดสิ่งมหัศจรรย์ขึ้น เมื่อมีพระจันทร์ทรงกรดเหนือสำนักปฏิบัติธรรมตลอดเวลาที่ดำเนินการ รวมทั้งสุนัขจำนวนหนึ่งได้เห่าหอนเช่นกัน ซึ่งสร้างความตกตะลึงให้แก่ผู้เข้าร่วมพิธีเป็นอย่างมาก หลังจากเสร็จสิ้น ได้มีการพรมน้ำมนต์แก่ซากตัวต่อ และกรวดน้ำเพื่อเป็นการอุทิศส่วนบุญส่วนกุศลให้แก่บรรดาตัวต่อทั้งหมด เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์สลดเหมือนที่ผ่านมา

ขณะที่ นายบรรเจิด กาลสุวรรณ์ อายุ 55 ปี อยู่บ้านเลขที่ 99 หมู่ 1 ต.เขาวิเศษ อ.วังวิเศษ จ.ตรัง หนึ่งในผู้ที่ทำลายรังต่อ กล่าวว่า ความรู้สึกในขณะทำการอยู่นั้น ไม้ไผ่นั้นมีน้ำหนักมากกว่าปกติ เมื่อทำการนำไฟเข้าใกล้รังต่อ เหมือนมีแรงมาผลักออกไม่ให้ไฟเข้าใกล้รัง และไม่ให้ไฟโดนบริเวณรัง ถึงแม้จะใช้แรงดันไปสุดแล้ว จึงจำเป็นต้องใช้แรงดันกว่า 2 คน เพื่อดันขึ้นไปให้ไฟเผารังต่อให้หมดสิ้น อีกทั้งตัวต่อไม่มีท่าทีที่จะสู้ หรือแตกรังออกมาทำร้ายใครแม้แต่คนเดียว ซึ่งถือเป็นเรื่องที่แปลกที่ตนเองไม่เคยได้พบเจอมาก่อนมาก่อน นอกจากนั้น ยังเชื่อว่าเหตุการณ์ที่ฝูงต่อแตกรังแล้วรุมต่อยคนงานนั้น เป็นเรื่องอาถรรพ์ เนื่องจากคนงานไม่ได้บอกกล่าวเจ้าที่ เจ้าทาง หรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ก่อนลงมือปฏิบัติงาน เหมือนเป็นการลบหลู่ แต่อย่างไรก็ตาม ก็ถือว่าเป็นการทำลายเพื่อให้หมดสิ้น เพื่อไม่ให้เกิดความสูญเสียเกิดขึ้นอีกแล้ว

ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบ

 

แสดงความคิดเห็น

ใหม่กว่า เก่ากว่า