ฮือฮา! พี่น้องตระกูลดังเมืองตรัง จัดแต่งงานศพเป็น “สวนแห่งชีวิต” ระลึกถึงน้องชายผู้จากไป

เจ้าภาพงานศพ จ.ตรัง จัด “สวนแห่งชีวิต” ระลึกถึงเรื่องราวชีวิตของน้องชายคนสุดท้องตระกูลดังเมืองตรัง “แซ่เตียว” หลังเสียชีวิตด้วยโรคหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน พี่ชายเผยไม่อยากให้เวลา และความรู้สึกนี้หายไปอย่างไร้ร่องรอย
ที่วัดศรัทธาธรรม (วัดป่าแก่) หมู่ที่ 4 ต.บางด้วน อ.ปะเหลียน จ.ตรัง ทางคณะเจ้าภาพได้จัดงานบำเพ็ญกุศลศพ นายภาวัต หรือเข้ง แซ่เตียว อายุ 50 ปี ซึ่งเป็นน้องคนสุดท้องของตระกูลชื่อดังเมืองตรัง “แซ่เตียว” โดยได้เสียชีวิตลงด้วยโรคหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน ญาติตั้งบำเพ็ญกุศลศพมาตั้งแต่วันที่ 23 กันยายน 2561 กำหนดการฌาปนกิจศพวันที่ 8 ตุลาคมนี้ ท่ามกลางแขกเหรื่อ และญาติสนิทมาร่วมงานกันเนืองแน่น

ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศภายในงานแตกต่างจากงานศพทั่วไป ทางคณะเจ้าภาพได้จัดสวนจำลองชีวิตของผู้ชายคนหนึ่งบางแง่มุม เรียกว่า “สวนแห่งชีวิต” ท่ามกลางความสนใจของแขกเหรื่อที่มาร่วมไว้อาลัยในงานศพ ซึ่งแนวคิดนี้ภายใต้การรังสรรค์ผลงานของ นายเศวตชัย เตียวปิยกุล พี่ชาย ปัจจุบันเป็นข้าราชการครู ค.ศ.3 สอนวิชาศิลปะ โรงเรียนย่านตาขาวรัฐชนูปถัมภ์ สังกัด สพม.13 เป็นครูต้นแบบของคณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติ หรือสภาการศึกษา ที่มีความเชี่ยวชาญทางด้านศิลปะ มีความรู้ความสามารถในการสร้างสรรค์งานศิลปะ ประเภทออกแบบตกแต่งทุกชนิด

นายเศวตชัย เตียวปิยกุล พี่ชาย

นายเศวตชัย กล่าวว่า สวนแห่งชีวิต ทางเจ้าภาพต้องการสื่อถึงอะไร ความรักความศรัทธาก่อให้เกิดแรงบันดาลใจที่จะสร้างผลงาน หรือสื่อตรงนี้ออกมาให้น้องชายอันเป็นที่รักของเรา พวกเราทั้ง 5 คน มีความคิดเห็นตรงกันว่า น้องชายสุดท้องคือสิ่งที่เรารักมากที่สุด การจากไปครั้งนี้เป็นการสูญเสียที่ยิ่งใหญ่ เราคิดว่าน่าจะสร้างร่องรอยตรงนี้ เพราะเชื่อว่าน้องชายไม่ได้เหมือนนาฬิกาที่เดินรอบตัวเอง แล้วไม่เหลือร่องรอยอะไรเลย น้องได้สร้างคุณงามความดีไว้มากมาย สิ่งเหล่านี้มันอยู่ในความรู้สึกของพี่ๆ และญาติๆ ทุกคน สวนแห่งชีวิตจึงเกิดการทบทวนขึ้นมาว่า ตั้งแต่น้องชายเล็กๆ จนเติบโตนั้นได้สร้างอะไรไว้บ้าง ทุกอย่างที่เป็นตัวตนของน้องชายจะถูกรวมกันไว้ในสวนแห่งนี้ที่เรียกว่า “สวนแห่งชีวิต”
นายเศวตชัย กล่าวต่อว่า ในสวนแห่งนี้มีกิจกรรม หรือสิ่งที่น้องชายได้ทำไว้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการละเล่น หรือรีแลกซ์ต่างๆ ตลอดจนอาชีพที่น้องชายทำ รวมความรักความผูกพันที่มีต่อครอบครัว ซึ่งน้องชายเป็นคนดูแลคุณแม่ที่ได้เสียชีวิตไป น้องชายเป็นคนคนหนึ่งที่เชื่อฟัง และมีน้ำใจกับพี่ๆ ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ตามจะคอยช่วยเหลือพี่ๆ เขาคอยดูแลพี่ๆ ทุกคน ดูแลคนอื่นๆ จนลืมดูแลตัวเอง ตรงนี้คือสิ่งที่จะท้อใจมากๆ

“ความรู้สึกแรกเหมือนหัวใจสลาย จุดแรกเป็นการบ่งบอกถึงชีวิตน้องชายสมัยยังเป็นเด็ก ซึ่งอายุตอนนั้นไล่เลี่ยกับหลานๆ ของน้องชาย เขาเป็นทั้งเพื่อนเล่น เป็นทั้งครูที่คอยอบรมหลานๆ สอนการบ้าน เล่านิทาน เป็นภาพประทับใจที่ผมไม่เคยลืม หลานๆ ก็ไม่เคยลืม และอีกหลายๆ เรื่องราวมารวมกัน ภาพกอดหอมแก้มแม่ ดูแลแม่ จุดวางเก้าอี้ที่น้องชายนั่งจิบกาแฟตอนเช้า และสวนหย่อมที่จำลองรูปแบบมาจากหลังบ้าน และอีกหลายเรื่องราวตลอดอายุ 50 ปี ของน้องชายผู้สูญเสียไป”

ส่วนบรรยากาศหน้าโลงศพ ดอกไม้ที่จัดในบริเวณบรรยากาศการบำเพ็ญกุศลศพ นายเศวตชัย บอกด้วยว่า เราเน้นดอกไม้ที่มีสีสันที่เหมาะกับวัยของน้องชายคนวัย 50 ปี เราใช้ชื่อตรงนี้ว่า “คืนชีวิตสู่สวรรค์” หมายถึงว่าเราได้น้องชายมาจากสวรรค์ เพราะเขาเป็นคนดีเหลือเกิน แล้วก็ลิขิตของสวรรค์นั้นได้นำน้องชายเรากลับไป การตกแต่งตรงนี้ Concept ของเราก็คือว่า เป็นมวลของปุย เป็นมวลแห่งสวรรค์ และดอกไม้ทุกอย่างนั้น เป็นดอกไม้ที่ถูกสร้างขึ้นมาให้สอดคล้องมีความหมาย ไล่สีจากเข้มไปอ่อน และข้างบนนั้นมีมาลัยคล้องมือเพื่อบ่งบอกว่า สวรรค์รับรู้ และรับตัวน้องชายไป เราขมขื่นเหลือเกินที่น้องจากไป แต่เราหวังว่าน้องชายนั้นกลับสู่สวรรค์ จึงสร้างบรรยากาศทุกอย่างให้เหมือนดอกไม้บนสวรรค์ มีนกสองตัว นกที่อยู่บนสวรรค์นั่นก็คือนกยูง

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า เมื่อช่วงเดือนธันวาคม ปลายปี 2559 ที่วัดศรัทธาธรรม หรือวัดป่าแก่แห่งนี้ บรรดาลูกหลานของ นางปิ่น หรือคุณทวดปิ่น แซ่เตียว อายุ 90 ปี ซึ่งมีลูก 6 คน เป็นผู้ชาย 4 คน และผู้หญิงอีก 2 คน มีนายพิชัย แซ่เตียว หรือ “ส.จ.ฮิ” เป็น ส.อบจ.ตรัง นายยงยุทธ หรือเรียว แซ่เตียว เป็นนายก อบต.บางด้วน และมีอาชีพรับราชการ ได้ร่วมกันจัดงานศพแบบแปลกแหวกแนว และแตกต่างไปจากงานศพในท้องถิ่นทั่วไป โดยการจัดนิทรรศการแสดงรูปภาพ สิ่งของเครื่องใช้ รวมถึงข้อความ และคติคำสอนที่คุณทวดปิ่น ผู้ตายได้เคยสั่งสอนไว้แก่ลูกหลานให้ได้จดจำ และเป็นแนวทางดำเนินชีวิต จนทำให้ชาวบ้านที่ไปร่วมงานศพได้ทราบถึงเรื่องราว และต่างให้ความสนใจไปเยี่ยมชมกันจำนวนมาก



ขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบ