“ชุมนุมสหกรณ์ตรัง” ส่อทุจริตกว่า 200 ล้าน! ผู้ว่าฯ สั่งฟันไม่เลี้ยง ถือซ้ำเติมประชาชนในภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ

“ชุมนุมสหกรณ์ตรัง” ส่อทุจริตกว่า 200 ล้าน! ผู้ว่าฯ สั่งฟันไม่เลี้ยง ถือซ้ำเติมประชาชนในภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ


ส่อทุจริต 207 ล้านบาท! “ชุมนุมสหกรณ์ตรัง” เสียสภาพคล่อง จังหวัดเร่งเข้าตรวจสอบ ห่วงกระทบชาวสวนยาง 6 หมื่นคน ผู้ว่าฯ สั่งเข้มฟันไม่เลี้ยงถือซ้ำเติมประชาชนในภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ
วันนี้ (16 พ.ย.) ที่ชมนุมสหกรณ์จังหวัดตรัง หมู่ที่ 1 ต.บ้านโพธิ์ อ.เมือง จ.ตรัง นายลือชัย เจริญทรัพย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง พร้อมคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ได้เดินทางไปยังชุมนุมสหกรณ์เพื่อเข้าตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีเกิดการทุจริตขึ้นในชุมนุมสหกรณ์ตรัง เป็นจำนวนเงินกว่า 207 ล้านบาท ทำให้ชุมนุมสหกรณ์ตรังเสียหาย และขาดสภาพคล่องอย่างหนักในขณะนี้นั้น
 
นายลือชัย เจริญทรัพย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง

นายลือชัย เจริญทรัพย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง กล่าวว่า เพื่อเปิดทางให้คณะกรรมการฯ ที่ทางจังหวัดตรังได้มีการแต่งตั้งขึ้น ซึ่งประกอบด้วย ตัวแทนจากสำนักงานส่งเสริมสหกรณ์ ตรวจบัญชีสหกรณ์ นิติกรจากสำนักงานจังหวัด และนิติกรจากศูนย์ดำรงธรรม เพื่อทำหน้าที่ในการตรวจสอบบัญชี และข้อเท็จจริงอย่างละเอียด เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ซึ่งอาจต้องใช้เวลาในการตรวจสอบพอสมควร ส่วนการจะย้อนหลังไปเป็นระยะเวลาเท่าใดนั้น ต้องขอดูรายละเอียดก่อน
ซึ่งการเข้าตรวจสอบในครั้งนี้เพื่อให้เป็นไปตามกฎหมายสหกรณ์ทุกมิติ ทั้งการซื้อขาย เส้นทางการเดินของระบบการเงินและบัญชี ร่วมถึงบริษัทค้าของสหกรณ์ฯ ขอทราบข้อมูลที่มีการเกี่ยวพันกันทั้งหมด ซึ่งตอนนี้อยู่ในระหว่างดำเนินการ และรวมถึงการทำหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทุกคน และจากข้อมูลพบว่า ชุมนุมสหกรณ์จังหวัดตรัง มีสหกรณ์เครือข่ายในพื้นที่จากทั้ง 10 อำเภอ รวม 67 แห่ง มีสมาชิกกว่า 60,000 คน ปัจจุบัน ประสบปัญหาเดือดร้อนหนักจากราคายางตกต่ำอยู่แล้ว แต่มาเกิดปัญหาการทุจริตภายในชุมนุมสหกรณ์ ถือเป็นการซ้ำเติมปัญหาความเดือดร้อนให้แก่ชาวสวนยาง


ทั้งนี้ ตนเองขอให้ทางตำรวจดูเป็นกรณีพิเศษ เพราะกระทบพี่น้องประชาชน เพราะสถานการณ์ยางก็ราคาตกต่ำ รัฐบาลเองก็ต้องการให้ชุมนุมสหกรณ์เป็นที่พึ่งให้ประชาชน แต่มาเกิดเรื่องแบบนี้ จึงให้ทุกหน่วยงานที่แต่งตั้ง และประสานลงไปสอบรายละเอียดให้ชัดเจน ให้ได้ข้อเท็จจริงให้ได้มากที่สุด เพื่อดำเนินคดีให้เด็ดขาด และจะสนับสนุนส่งเสริมในเรื่องหลักธรรมาภิบาล เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้แก่สหกรณ์สมาชิก และประชาชนสมาชิกสหกรณ์ทั้งหมด ทั้งนี้ ได้ให้เวลาแก่คณะกรรมการตรวจสอบรายละเอียดทั้งหมดให้แล้วเสร็จภายใน 30 วัน เพื่อจะได้เร่งดำเนินการส่วนอื่นๆ ต่อไป

พ.ต.อ.ประเสริฐ สงแสง รอง ผกก.(สอบสวน) สภ.เมืองตรัง
ด้าน พ.ต.อ.ประเสริฐ สงแสง รอง ผกก.(สอบสวน) สภ.เมืองตรัง กล่าวว่า การรวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมด สัปดาห์หน้าน่าจะสมบูรณ์ทั้งหมด เพื่อให้สำนวนคดีมีความพอดี และตรงตามเอกสารที่มี ซึ่งคดีนี้มีผู้ต้องหาประมาณ 3 คน หรือมากกว่านั้น เป็นลักษณะการกระทำ แต่ต้องดูรายละเอียดว่ามีเรื่องอะไรบ้าง ทั้งการปลอมแปลงเอกสาร การทุจริตเรื่องเกี่ยวข้องกับอะไรบ้าง ซึ่งจนถึงขณะนี้ยังไม่ได้มีการแจ้งข้อกล่าวหากับผู้ใด ต้องรอทางฝ่ายผู้เสียหายได้แจ้งว่ามีความเสียหายเรื่องใดบ้าง จากนั้นก็ต้องมีการหาพยานหลักฐานมาสนับสนุนว่ามีการกระทำความผิดเกิดขึ้นจริง ส่วนผู้ที่เข้าข่ายกระทำความผิด ตอนนี้ยังไม่ได้มีการหลบหนี และยังคงอยู่ในพื้นที่


ขณะที่ นายประทบ สุขสนาน ประธานชุมนุมสหกรณ์ยางตรัง กล่าวว่า คณะกรรมการชุดปัจจุบันตรวจสอบพบเมื่อปลายเดือนกันยายน 2561 ที่ผ่านมา ว่า นางนิตรดา อาจเส็ม ผู้จัดการชุมนุมสหกรณ์จังหวัดตรัง กับพวก ร่วมกันทุจริตยักยอกยางของสหกรณ์ชุมนุมไปขายให้แก่ 2 บริษัท ซึ่งเชื่อว่าอาจเป็นของผู้จัดการที่ไปลักลอบจดทะเบียนจัดตั้ง แต่ไม่ได้ใช้ชื่อของผู้จัดการเอง หรือร่วมมือกับคนของบริษัทเอกชนบริษัทหนึ่ง และกรณีผู้จัดการออกตั๋วสัญญาใช้เงิน 10 ฉบับ ฉบับละ 5 ล้าน รวม 50 ล้าน ไปกู้เงินจากบุคคลภายนอก โดยไม่ผ่านการพิจารณา และมติของคณะกรรมการฯ ชุดขณะนั้น
และขณะนี้ถูกเจ้าของเงินแจ้งความดำเนินคดีเรียกค่าเสียหายทางแพ่งต่อชุมนุมสหกรณ์จังหวัดตรังด้วย และเมื่อตรวจสอบแล้วผู้จัดการยอมรับว่าเป็นเรื่องจริงทั้งหมด และสิ่งหนึ่งที่มีปัญหาสลับซับซ้อนอยู่ จากการสอบถามคือไปมีส่วนร่วมลงทุนกับ 2 บริษัท คาดว่าน่าจะเป็นบริษัทนอมินี ขอให้ผู้มีอำนาจเข้ามาดูแลคดีสอบสวนหาข้อเท็จจริง แล้วมีบทลงโทษผู้กระทำผิดที่เกิดขึ้นทั้งหมด เพราะบางหน่วยงานไม่มีอำนาจที่จะไปเรียกร้องเอกสารเส้นทางการเงินที่ได้ เช่น หลักฐานการโอนเงินของสถาบันการเงินต่างๆ ต้องให้มีอำนาจเท่านั้นจึงจะเรียกตรวจได้ เพราะเส้นทางการเงินที่จะต้องสอบพบว่ามีทั้งที่โอนเข้าบัญชีส่วนตัว และโอนเข้าบัญชีบริษัท ล่าสุด ทางคณะกรรมการได้ไปแจ้งความร้องทุกข์ต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) แล้ว



ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบ

แสดงความคิดเห็น

ใหม่กว่า เก่ากว่า