นายวิทยา ยาม่วง อธิบดีกรมเจ้าท่า (จท.) เปิดเผยว่า ประเทศไทยมีรายได้จากการท่องเที่ยวทางทะเล มีสัดส่วนสูงที่สุดเมื่อเทียบกับการท่องเที่ยวรูปแบบอื่นๆ แต่ผลกระทบจากโรคโควิด-19 ที่เกิดขึ้นทั่วโลก ทำให้มีจำนวนนักท่องเที่ยวลดลง จึงต้องปรับเปลี่ยนวิธีใหม่ นอกจากสนับสนุนไทยเที่ยวไทย การสร้างท่าเรือก็มีความสำคัญ กรมเจ้าท่า ร่วมมือกับหลายหน่วยงานเพื่อฟื้นการท่องเที่ยวทางน้ำ ทางทะเล เป็นการเชื่อมยุทธศาสตร์การท่องเที่ยวกับยุทธศาสตร์การพัฒนาท่าเร
ดังนั้นจึงว่าจ้างห้างหุ้นส่วนจำกัด พัฒนาบรรณกิจ ปรับปรุงท่าเรือปากเมง จ.ตรัง เนื่องจากท่าเรือปากเมง จ.ตรัง ถือเป็นท่าเรือสำคัญของท้องทะเลอันดามันและเป็นแหล่งท่องเที่ยวขึ้นชื่อของไทยอีกแห่ง โดยท่าเรือปากเมงต้องได้รับการปรับปรุงเนื่องจากใช้งานมานานถึง 30 ปี มีสภาพทรุดโทรม และแออัดเป็นอย่างมาก ขนาดท่าเรือไม่เพียงพอกับความต้องการของผู้มาใช้บริการ โดยเฉพาะในช่วงวันหยุด หรือเทศกาลต่างๆ มีทั้งเรือขนาดใหญ่ เรือหางยาว และเรือสปีดโบ๊ตเข้ามาใช้บริการถึงวันละไม่ต่ำกว่า 100 ลำ
สำหรับการปรับปรุงครั้งนี้ใช้เวลา 630 วัน ใช้แนวคิดการออกแบบและการบริการเพื่อคนทุกกลุ่ม (Universal Design & Service Design) ขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการ คาดว่าจะแล้วเสร็จในช่วง เม.ย.64 หลังแล้วเสร็จจะมีการใช้งานที่สมบูรณ์ครบถ้วน โดยมีพื้นที่ท่าเรือที่พร้อมรองรับนักท่องเที่ยวได้อย่างสะดวกและปลอดภัย พื้นที่ด้านหลังท่ามีพื้นที่การใช้สอยที่สามารถอำนวยความสะดวก สอดรับกับความต้องการของนักท่องเที่ยวอย่างครบครัน ซึ่งจะช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยวให้กับ จ.ตรัง
รและยังเป็นท่าเรือที่เชื่อมโยงการท่องเที่ยวทะเลฝั่งอันดามัน อาทิ เส้นทาง ปากเมง-เกาะหลีเป๊ะ ปากเมง-เกาะลันตา เป็นการสร้างรายได้ให้กับท้องถิ่นและประเทศอย่างมหาศาล พร้อมรองรับการขยายตัวที่เพิ่มขึ้นของประชาชนในท้องถิ่นให้เข้าถึงระบบขนส่งอย่างเสมอภาคและเท่าเทียม รองรับการเชื่อมโยงในอนาคต ลงเครื่องบิน ต่อรถ ลงเรือ ไปท่องเที่ยวตามหมู่เกาะต่างๆ ใน จ.ตรัง เกิดเป็นเส้นทางการเดินเรือ “วงแหวนอันดามัน”ในอนาคตได้
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก หนังสือพิมพ์เดลินิวส์