ฤดูเก็บหมากมาแล้ว! ชาวบ้านตรังแห่ผ่าขายสร้างเงิน หลังราคาพุ่งแซงยางเป็นเท่าตัว


  ชาวบ้านตรังต่างแห่เก็บหมากผ่าขายได้ราคาดี กก.ละเกือบ 100 บาท ดีกว่ายางเท่าตัว สร้างรายได้ให้บางครัวเรือนถึงปีละ 50,000 บาท ขณะที่กล้าพันธุ์หมากก็เป็นที่ต้องการของตลาดสูงเช่นกัน


วันนี้ (8 ก.พ.) ในช่วงระยะนี้หากใครขับรถเข้าไปตามตำบล หมู่บ้านในพื้นที่ชนบท จะเห็นต้นหมากที่ขึ้นอยู่ริมทาง หรือบริเวณพื้นที่ว่างริมสวน หรือรอบบริเวณบ้านที่ชาวบ้านได้ปลูกไว้ และขณะนี้ผลผลิตกำลังเริ่มสุกเต็มต้น รอการทยอยเก็บเพื่อนำมาขาย ซึ่งเท่ากับว่าฤดูขายหมากแห้งได้มาถึงแล้ว

โดยที่บ้านเลขที่ 34 หมู่ 1 บ้านวังเข้ ต.ในเตา อ.ห้วยยอด จ.ตรัง นางทิฆัมพร ชัยคีรี อายุ 54 ปี และสมาชิกในครอบครัวกำลังเริ่มทำการเก็บผลผลิตหมากที่มีอยู่เป็นจำนวนมาก จากต้นที่ปลูกแซมเอาไว้ทั่วไปรอบบริเวณบ้าน เช่นเดียวกับไม้ผลชนิดอื่นๆ โดยนำมาปลิดผล แล้วตากแดดให้แห้ง ก่อนนำไปผ่าทำหมากแห้ง ส่งขายให้พ่อค้าแม่ค้าที่เดินทางเข้ามารับซื้อถึงสวน

ทั้งนี้ ในการทำหมากแห้ง บางคนจะใช้วิธีนำผลมาตากแดดให้แห้งสัก 3 แดด จากนั้นเก็บไว้รอนำออกมาผ่าเอาเมล็ดที่แห้งแล้วรอส่งขาย แต่บางคนจะใช้วิธีผ่าผลสด จากนั้นนำไปตากแดดให้แห้งสัก 3 แดด แล้วเก็บใส่กระสอบปุ๋ย รอพ่อค้าแม่ค้ามารับซื้อถึงที่ หรือจะนำไปขายที่จุดรับซื้อ แล้วแต่จะสะดวก


อย่างไรก็ตาม สำหรับหมากแห้งเหล่านี้จะมีพ่อค้าแม่ค้ามาแย่งกันซื้อ มีเท่าไรก็ไม่เพียงพอและราคาดี โดยปีที่ผ่านมาชาวบ้านบอกว่า ขายได้ราคาสูงถึงกิโลกรัมละ 80-100 บาท และขณะนี้เพิ่งเริ่มต้นฤดูกาลเพราะผลหมากเริ่มสุก ราคาเริ่มต้นก็อยู่ที่กิโลกรัมละ 60 บาท จึงเชื่อว่าปีนี้น่าจะพุ่งถึงกิโลกรัมละ 80-100 บาท ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์-มีนาคม ซึ่งเป็นช่วงที่มีการผ่าหมากแห้งกันเป็นจำนวนมาก ดีกว่าพืชเศรษฐกิจหลักของภาคใต้อย่างยางพารานับเท่าตัว

ทั้งนี้ นางทิฆัมพร กล่าวว่า รอบบริเวณบ้านตนเองเนื้อที่ประมาณ 12 ไร่ จะปลูกผลไม้แบบผสมผสาน รวมทั้งปลูกหมากเอาไว้ด้วยจำนวนมาก แต่ละต้นให้ผลดก บางต้นผลดกมากถึง 6 ทะลาย แต่ละปีตนเองทำหมากแห้งขายได้ปีละ 40,000-50,000 บาท โดยราคาหมากแห้งจะดีมากกว่ายางพารา ที่ราคาไม่แน่นอนและตกต่ำเกือบตลอดทั้งปี จนขณะนี้เหลือประมาณกิโลกรัมละ 45-50 บาทเท่านั้น แต่หมากแม้จะเก็บได้เฉพาะหน้าแล้งแต่เป็นรายได้เสริมอย่างดี ใครมีมากก็ขายได้มาก

นอกจากนั้น ตนเองยังได้เพาะกล้าพันธุ์หมากส่งขายด้วย ซึ่งจะมีออเดอร์เข้ามาปีละ 20,000 ต้น นับตั้งแต่หมากราคาดี และ 15 ประเทศทั่วโลกต่างต้องการหมากแห้งจำนวนมาก จึงมีคนสนใจปลูกกันมากขึ้น โดยต้นหมากอายุ 6 เดือน ราคาขายต้นละ 6 บาท หากอายุ 1 ปี ราคาขายต้นละ 12 บาท ซึ่งมีลูกค้าสั่งซื้อเข้ามาตลอดเวลา ทำให้แต่ละปีมีรายได้เพิ่มจากการขายกล้าพันธุ์หมากอีกหลายหมื่นบาท

ขณะที่ นางวรรณวิมล หมุนกลับ อายุ 63 ปี ชาวตำบลหนองปรือ อ.รัษฎา แม่ค้าที่รับซื้อหมากแห้งมายาวนานประมาณ 15 ปีแล้ว บอกว่า แรกๆ ราคาหมากไม่ดี แต่ระยะหลังนี้ราคาหมากพุ่งสูงขึ้นมาก โดยปี 2563 กิโลกรัมละ 80 บาท ส่วนปี 2564 กิโลกรัมละ 90-100 บาท ซึ่งราคาดีกว่ายางพารามาก และถือเป็นพืชเศรษฐกิจรองจากยางพาราและปาล์มน้ำมัน เนื่องจากตลาดต้องการหมากแห้งจำนวนมาก ทำให้ตนเองแต่ละปีต้องออกตระเวนรับซื้อส่งขายให้ลูกค้าจากภาคเหนือ ที่ด่านแม่สอด จังหวัดตาก ปลายทางไปยังประเทศพม่า ทำให้แต่ละปีชาวบ้านในจังหวัดตรังมีรายได้เสริมจากอาชีพขายหมากแห้งกันเป็นจำนวนมาก











    ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก ผู้จัดการออนไลน์

    แสดงความคิดเห็น

    ใหม่กว่า เก่ากว่า