เจอ แจก แต่ไม่จบ! ชาวตรังโวยเดือดร้อนหนักกักตัวไร้ถุงยังชีพ ต้องกู้นอกระบบประทังชีวิต


 ชาวบ้านโวยนโยบาย “เจอ แจก แต่ไม่จบ” โดยเฉพาะกลุ่มคนเมืองตรังหาเช้ากินค่ำ ซึ่งถูกกักตัว หยุดงาน ไม่มีรายได้ แต่ไร้ข้าวกล่อง และถุงยังชีพ บางรายต้องยอมกู้นอกระบบมาประทังชีวิต เมื่อหายป่วยโควิด-19 แล้วค่อยไปทำงานใช้คืน


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากกระทรวงสาธารณสุข ให้บริการประชาชนผู้ติดเชื้อโควิด-19 แบบเจอ แจก จบ เพื่อเตรียมดำเนินการให้โรคโควิด-19 เป็นโรคประจำถิ่น และให้ผู้ป่วยสีเขียว หรือสีเหลืองรักษาตัวเองอยู่ที่บ้าน ให้สามารถออกหาซื้ออาหารได้ ขณะที่ผู้สัมผัสเสี่ยงสูงให้กักตัวอยู่กับบ้าน และยกเลิกการแจกอาหารกล่อง หรือถุงยังชีพอย่างสิ้นเชิง ล่าสุด พบว่าทำให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อนเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะในกลุ่มคนเมือง ที่บางส่วนมีอาชีพรับจ้างทั่วไปแบบหาเช้ากินค่ำ มีรายได้รายวัน บ้านต้องเช่าข้าวต้องซื้อ ซึ่งเมื่อต้องกักตัว หรือรักษาตัวเองอยู่กับบ้านทำให้ไม่สามารถออกไปทำงานได้ เท่ากับว่าไม่มีรายได้โดยสิ้นเชิง แต่ยังต้องกินต้องใช้อยู่ทุกวัน ขณะที่ทางเทศบาลหรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทุกแห่งออกมาระบุว่า ขณะนี้ไม่มีงบที่จะดูแลเรื่องอาหารการกินให้อีกแล้ว

ดังนั้น บางครอบครัวจึงต้องหาทางออกด้วยการไปกู้ยืมเงินนอกระบบ เพื่อนำมาซื้ออาหารกินกันเอง แม้ว่าต้องจ่ายดอกเบี้ยที่สูงมากก็ตาม ซึ่งนโยบายของรัฐดังกล่าว จึงเท่ากับเป็นการผลักภาระให้ประชาชนที่เดือดร้อนหนักจากสถานการณ์โควิด-19 รวมทั้งค่าครองชีพที่แพงมากอยู่แล้ว ให้ยิ่งเดือดร้อนหนักมากยิ่งขึ้น ขณะที่ อสม.ซึ่งเป็นกำลังหลักในการดูแลประชาชนจำนวนมากก็ติดเชื้อโควิด-19 แต่ยังพยายามที่จะหาทางช่วยเหลือชาวบ้านในความรับผิดชอบทุกวิถีทาง ทั้งพยายามโทรศัพท์ประสานขอถุงยังชีพจากฝ่ายต่างๆ เพื่อช่วยชาวบ้าน เช่น โรงพยาบาลได้ตัดเรื่องอาหารกล่อง และถุงยังชีพออกไปแล้วตามระบบการรักษารูปแบบใหม่ ส่วนท้องถิ่นได้รับคำตอบว่าไม่มีงบประมาณ ทำให้ชาวบ้านเดือดร้อนหนัก ขณะที่ภาพรวมทั้ง จ.ตรัง ขณะนี้มี อสม.ติดเชื้อแล้วประมาณ 2,000 ราย


โดยตัวแทน อสม.และชาวบ้าน กล่าวว่า แถวละแวกบ้านของตน ตอนนี้มีผู้ที่ต้องรักษาตัวจากการติดเชื้อ และคนสัมผัสเสี่ยงสูงต้องกักตัวกันเป็นจำนวนมาก ซึ่งส่วนใหญ่ติดกันยกครอบครัวหลังละ 2-5 คน บางหลังต้องหยุดงานกันทั้งครอบครัวตามมาตรการควบคุมโรค ส่งผลให้พวกตนไม่มีรายได้ โดยเฉพาะกลุ่มรับจ้างทั่วไปที่ปกติมีรายได้แค่วันละ 250 บาทเท่านั้น หรือคนที่มีอาชีพค้าขาย หรือบางครอบครัวมีคนสูงอายุที่ไม่มีรายได้อะไรแล้ว รวมทั้งเด็กๆ ต้องมาถูกกักตัวด้วย สร้างภาระในเรื่องอาหารการกิน บางคนซื้อด้วยเงินจากบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่ซื้อมาก่อนแล้ว บางคนมีเพียงเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ จนทำให้พวกตน และหลายคนต้องหาทางออกด้วยการไปยืมเงินนอกระบบ ทั้งที่ดอกเบี้ยสูงถึงร้อยละ 20 หรือบางรายสูงถึงร้อยละ 80 ก็มี เพื่อนำมาใช้จ่ายในช่วงนี้ไปก่อน ซึ่งเมื่อพ้นระยะกักตัวแล้ว พวกตนค่อยไปทำงานมาใช้หนี้ เช่น ยืมมา 1,000 บาท 10 วัน ตกลงจ่ายดอก 600 บาท หรือบางหลังต้องยืม 3,000-5,000 บาท เพราะคนในครอบครัวติดเชื้อต้องกักตัวทั้งหมด โดยตกลงกับเจ้าหนี้ไว้ว่าทั้งดอกทั้งต้นจะขอทำงานส่งคืนให้เมื่อหายจากโควิด-19 แล้วสามารถกลับไปทำงาน หรือขายของได้

ส่วนหน่วยงานท้องถิ่น แรกๆ นำอาหารกล่องมาแจก แต่เดี๋ยวนี้เขาบอกว่าไม่มีงบแล้ว โดยอาหารหลักของพวกตนตอนนี้คือไข่ไก่ มาม่า เพราะประหยัดที่สุด และจำยอมต้องอดทนให้ถึงที่สุด เพื่อให้ผ่านพ้นสถานการณ์โควิด-19 จึงอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่จริง เพื่อสำรวจสภาพความเป็นอยู่ของประชาชน โดยรายไหนที่เดือดร้อนมากๆ อย่างน้อยเอาถุงยังชีพมาให้ก็ยังดี เพื่อให้ชาวบ้านได้ช่วยตัวเองในเบื้องต้น เพราะเศรษฐกิจไม่ดี งานไม่ได้ทำ นอกจากนั้น บางชุมชนยังมีผู้ถูกกักตัวกันเป็นจำนวนมาก แบบบ้านติดๆ กันเลย ต้องใช้วิธีการไหว้วานคนข้างบ้านที่ยังไม่ป่วย ซึ่งยังเหลือเพียงไม่กี่คนให้ช่วยไปซื้อข้าวของมาวางไว้หน้าบ้านแต่ละหลัง เพื่อจะได้กินได้ใช้ รวมทั้งไม่มีเจ้าหน้าที่มาพ่นยาฆ่าเชื้อใดๆ อีกแล้ว ปล่อยให้ประชาชนในแต่ละชุมชนดูแลตัวเองแบบตัวใครตัวมัน ทำให้มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ยากลำบาก หรือรัฐจบแต่ชาวบ้านไม่จบ












    ขอขอขคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก ผู้จัดการออนไลน์

    แสดงความคิดเห็น

    ใหม่กว่า เก่ากว่า