สาวใหญ่เมืองตรังนำรถเข้าซ่อมเกียร์กลับถูกทุบกระจกเละ เจรจาเจ้าของอู่บ่ายเบี่ยงซ่อมให้


 สาวใหญ่เอารถยนต์เข้าซ่อมเกียร์ที่อู่เมืองตรัง แต่กลับถูกทุบกระจกแตกยับรอบคัน เจรจาเจ้าของอู่นานหลายเดือนแล้ว แต่ยังไร้ความรับผิดชอบ สอบถามได้แต่บ่ายเบี่ยง เจ้าของรถสุดทนร้องสื่อ และเข้าแจ้งความแล้ว


วานนี้ (21 มี.ค.) น.ส.ศิณศา ทองอร่าม อายุ 46 ปี อยู่บ้านเลขที่ 315 ถนนกันตัง ต.ทับเที่ยง อ.เมือง จ.ตรัง ร้องเรียนผู้สื่อข่าวเพื่อเตือนภัย หลังนำรถยนต์ยี่ห้อเชฟโรเลต รุ่นแคปติวา สีบรอนซ์ เข้าซ่อมเกียร์ที่อู่แห่งหนึ่งใน ต.ควนปริง อ.เมืองตรัง ซึ่งนำรถเข้าซ่อมตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2564 แต่เมื่อเดือนสิงหาคม 2564 ได้รับแจ้งจากญาติที่อยู่ใกล้กับอู่ซ่อมรถยนต์ดังกล่าวว่า รถยนต์ที่นำไปซ่อมกระจกถูกทุบเสียหายทั้ง 6 บาน คือ กระจกหน้าหลัง และกระจกด้านข้างทั้ง 4 ด้าน และเมื่อได้เข้าไปดูที่อู่พบว่าเสียหายจริง

น.ส.ศิณศา บอกว่า ตนนำรถไปซ่อมที่อู่แห่งนี้เพราะแฟนแนะนำไป ซึ่งไปซ่อมรถยนต์ที่นี่เป็นครั้งแรก ส่วนตัวไม่ได้รู้จักหรือมีความขัดแย้งอะไรกับเจ้าของอู่มาก่อน ตอนนั้นนำรถยนต์คันดังกล่าวไปซ่อมเกียร์ ซึ่งตลอดเวลาตนได้สอบถามความคืบหน้าตลอด แต่เจ้าของอู่อ้างว่ารออะไหล่บ้าง เดินทางไปซื้อของไม่ได้ เพราะเป็นช่วงการระบาดของโควิด-19 ตนจึงได้แต่รอ และได้มาทราบข่าวอีกทีจากญาติที่อยู่ละแวกนั้นบอกให้ตนเข้ามาดูรถ เพราะรถยนต์ที่นำไปจอดรอซ่อมโดนทุบเสียหาย ซึ่งเมื่อเห็นสภาพรถยนต์ถึงกับเข่าทรุด ส่วนเจ้าของอู่ได้บอกกับตนเพียงว่าเขามีปัญหากันกับญาติ จนทำให้รถยนต์ของตนเสียหาย

โดยตอนแรกเจ้าของอู่บอกจะรับผิดชอบให้ ด้วยการเปลี่ยนกระจกให้รอบคัน และซ่อมแซมความเสียหายที่เกิดขึ้นให้ทั้งหมด แต่ตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2564 จนถึงวันนี้ กลับไม่มีการซ่อมให้แต่อย่างใด รถยนต์ของตนยังจอดอยู่ในสภาพทรุดโทรม เมื่อถามความคืบหน้าได้แต่บ่ายเบี่ยง อ้างรอกระจกบ้าง อ้างว่าป่วยหรือให้ภรรยารับสายแทนบ้าง ซึ่งตนเอือมระอากับพฤติกรรมแบบนี้ จึงได้เข้าแจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้แล้วที่ สภ.เมืองตรัง และเตรียมเข้าแจ้งความดำเนินคดีตามลำดับ สำหรับตนเพียงต้องการให้เจ้าของอู่รับผิดชอบค่าเสียหาย ซึ่งเป็นค่ากระจกไฟฟ้า และค่าติดตั้งที่เกี่ยวข้องประมาณบานละ 5,000 บาท รวมประมาณ 30,000 บาทเท่านั้น









ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก ผู้จัดการออนไลน์

แสดงความคิดเห็น

ใหม่กว่า เก่ากว่า