ชาวบ้านนับพันจากหลายอำเภอของ
จ.ตรัง มารวมตัวกันที่ชายหาดสำราญ เพื่อลงไปจับกุ้งด้วยสองมือเปล่า
โดยไม่มีอุปกรณ์ใดๆ ในช่วงที่น้ำทะเลลงต่ำสุดเพียงแค่ปีละ 3
เดือนกันอย่างคึกคัก
วันนี้
(20 พ.ย.) ชาวบ้านจากหลายตำบลของจังหวัดตรัง ทั้งในอำเภอหาดสำราญ
อำเภอปะเหลียน และอำเภอย่านตาขาว จะเดินทางมารวมตัวกันที่บริเวณชายหาดสำราญ
จังหวัดตรัง ไม่ต่ำกว่าวันละ 500 คน
เพื่อลงไปจับกุ้งหรือคลำกุ้งด้วยสองมือเปล่า โดยไม่มีอุปกรณ์ใดๆ
ในช่วงน้ำลง นับตั้งแต่แรม 3-5 ค่ำ และขึ้น 13-15 ค่ำ
ช่วงระหว่างเดือนตุลาคม-ธันวาคมของทุกปี หรือเดือนละประมาณ 10
วันในช่วงที่มีน้ำทะเลลดลงต่ำสุด ซึ่งชาวบ้านเรียกว่าฤดูกาลจับกุ้ง
ทั้งกุ้งหัวเรียว กุ้งขาว และกุ้งกุลาดำ
โดยชาวบ้านจะเดินลงไปในทะเลที่ระดับน้ำความลึก 20-30 เซนติเมตร ก่อนจะนั่งลงแล้วใช้สองมือเปล่าควานหากุ้งที่ฝังตัวอยู่ใต้โคลนสีดำ ความลึกไม่เกิน 5-6 เซนติเมตร เพื่อมากินแพลงก์ตอน และสัตว์น้ำวัยอ่อนที่อุดมสมบูรณ์ เนื่องจากไม่มีโรงงานอุตสาหกรรมอยู่ในพื้นที่ดังกล่าว ซึ่งจากการที่สามารถจับขึ้นมาได้อย่างง่ายดาย โดยบางวันได้กุ้งมากถึงคนละเกือบ 10 กิโลกรัม ทำให้ชาวบ้านแห่กันมาจับกุ้งด้วยมือเปล่ากันเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ จนบางวันจอดรถกันยาวเหยียดเกือบ 1 กิโลเมตร ตลอดแนวชายหาด และเป็นเช่นนี้มากว่า 10 ปีแล้ว
น.ส.ทิพย์กมล
วันแรก อายุ 38 ปี กล่าวว่า การจับกุ้งด้วยมือเปล่า โดยไม่มีอุปกรณ์ใดๆ
จะพบเพียงแห่งเดียวเฉพาะที่คลองดาตู หมู่ที่ 10 ต.หาดสำราญ อ.หาดสำราญ
จ.ตรัง เท่านั้น และใน 1 ปี จะมีกุ้งให้จับได้เพียง 1 ครั้ง ในห้วงเวลาแค่ 3
เดือน จากนั้นก็จะเปลี่ยนเป็นฤดูกาลของปลาหมึก ปลาทู และปูม้า
ทำให้ชาวบ้านต่างรอคอยโอกาสนี้มานานกว่า 9 เดือน
ซึ่งนอกจากจะได้กุ้งกลับไปเป็นอาหารแล้ว
ยังได้มาพบปะเพื่อนบ้านต่างถิ่นในคราวเดียวกันด้วย
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก ผู้จัดการออนไลน์