เยาวชนชาวนาชุมเห็ด จ.ตรัง ใช้เวลาว่างหันเลี้ยง “ไก่แจ้” พร้อมนำแข่งขันประชันเสียง

เด็กและเยาวชน ต.นาชุมเห็ด อ.ย่านตาขาว จ.ตรัง หันมาเลี้ยง “ไก่แจ้” ทั้งเพื่อความสวยงาม และแข่งประชันเสียง เผยทำให้เกิดความสนุก ใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ และยังช่วยฝึกความรับผิดชอบอีกด้วย

ปัจจุบัน “ไก่แจ้” กำลังได้รับความนิยมการเลี้ยงมากขึ้น ทั้งเลี้ยงเพื่อความสวยงาม และเลี้ยงเพื่อการแข่งขันประชันเสียง ซึ่งนับเป็นการเพิ่มสีสันให้แก่ชุมชน อย่างเช่น ที่สนามแข่งขันไก่แจ้บ้านมาบข้าว ต.นาชุมเห็ด อ.ย่านตาขาว จ.ตรัง ที่จัดให้มีการแข่งขันประชันเสียงไก่แจ้แข้งดำ วันอาทิตย์ และวันพุธ โดยวันอาทิตย์ จะเป็นการแข่งขันไก่แจ้ประเภทขึ้นราว หรือขึ้นคอน หรือคอนเกาะ ซึ่งทำด้วยไม้สูงจากพื้น 1.20 เมตร และห่างกัน 1.50 เมตร ส่วนทุกวันพุธ จะเป็นการแข่งขันไก่แจ้ประเภทลาน โดยการนำไก่มาปักหลักไว้กับพื้นดิน ตามหมายเลขที่จับสลากได้แล้วให้ประชันเสียงกัน


นายจำนง ขวัญดำ อายุ 62 ปี เจ้าของสนามแข่งขันไก่แจ้บ้านนามาบข้าว กล่าวว่า การแข่งขันในแต่ละครั้งจะมีไก่แจ้มาลงทะเบียนไม่น้อยกว่า 100 ตัว ส่วนมากจะมาจากใน ต.นาชุมเห็ด และมาจากต่างอำเภอ ซึ่งไก่แจ้ที่เข้าแข่งขันต้องชำระค่าลงทะเบียนตัวละ 60 บาท และแต่ละคนจะนำไก่มาแข่งขันกี่ตัวก็ได้ เมื่อลงทะเบียนไก่แจ้เสร็จแล้ว เจ้าของไก่แจ้ต้องมาจับสลากหมายเลขคอนไก่ จากนั้นกรรมการจะแจ้งกติกาของการแข่งขันให้ทราบ โดยไก่แจ้ที่มาแข่งขันต้องมีลักษณะแข้งดำ อกดำ แข่งขันรอบละ 60 ตัว ใช้เวลา 15 นาที และจับเวลาด้วยการเอาขันน้ำมาเจาะรู แล้ววางบนน้ำในขวดโหล
ทั้งนี้ ไก่แจ้ที่ผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิศได้ จะต้องขันไม่น้อยกว่า 20 ครั้ง ส่วนกรรมการจะใช้ชาวบ้านในละแวกนั้นผลัดเปลี่ยนกันเป็น ซึ่งกรรมการ 1 คน จะรับผิดชอบการให้คะแนนไก่ 5 ตัว โดยรางวัลจะได้มาจากเงินลงทะเบียน ซึ่งรางวัลที่ 1 เป็นเงิน 800 บาท 700 บาท 600 บาท และ 500 บาทตามลำดับ นอกจากนั้น ยังมีรางวัลพิเศษ และรางวัลหมายเลขคอน หรือรวมรางวัลทั้งหมดในการแข่งขันครั้งละ 24 รางวัล


“น้องเคน” หรือ ด.ช.ณัฐนนท์ สวนจันทร์ อายุ 12 ปี นักเรียนโรงเรียนบ้านหนองเป็ด กล่าวว่า ตนเอง และเพื่อนๆ หันมาเลี้ยงไก่แจ้ ผสมกับไก่ป่ามาเกือบ 1 ปีแล้ว ก่อนนำมาร่วมแข่งขันเป็นประจำ เพราะสนุก และใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ รวมทั้งช่วยฝึกความรับผิดชอบด้วย


ขณะที่ “น้องกาย” หรือนายสราวุฒิ สงสุวรรณ์ หนึ่งในเยาวชนชาว ต.นาชุมเห็ด กล่าวว่า ตนเองสนใจ และรักในการเลี้ยงไก่แจ้มาก เพราะเลี้ยงง่าย ค่าใช้จ่ายถูก แค่ให้กินข้าวเปลือกเป็นหลัก และให้อาหารเสริม วิตามิน หรือน้ำมันตับปลาบ้างเท่านั้น ที่สำคัญก็คือ ได้มาพบปะเพื่อนๆ ที่เลี้ยงไก่แจ้ด้วยกัน เป็นการเชื่อมความรัก ความสามัคคี หรือความสัมพันธ์ของคนในชุมชน


ขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบ
https://mgronline.com/

แสดงความคิดเห็น

ใหม่กว่า เก่ากว่า